UltraTrail® Panoramic
Summary
- ซ้อมยังไง?
- สายอุปกรณ์หรือเปล่า? เตรียมอะไรบ้างตอนแข่ง?
- วันแข่งนั่งรถ 2 ชั่วโมงครึ่ง!!!!
- เริ่มแล้ว มหากาฬย์ 100 Km
- ทางลงอยู่ไหน?
- กว่าจะถึง CP1
- ปัญหาที่ไม่เคยเจอ และไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น!
- A5 อาหารตามสั่งแล้วไง T_T
- หายท้องอืดแล้วววว
- 10km สู่ A6 ที่นานมากเหลือเกินนนนน
- กิน พัก หลับ เก็บแรงเพื่อดอยเมี่ยง
- ข้าวต้มเลิศรส ป่าไผ่ กับป่าช้าเที่ยงคืน
- ดอยเมี่ยงในตำนาน บ้าไปแล้ววว
- ทางลงไปหาหมั่นโถว
- Battery Low!
- Finally I did it!
- Special Thanks
รายการวิ่งเทรล 100miles รายการแรกของเมืองไทยโดยรังสรรค์ขึ้นโดย “ทีละก้าว” ขึ้นชื่อว่ารายการแรกย่อมมีคนอยากเข้าลองด้วยความท้าทายเป็นธรรมดา ด้วยการโปรโมทที่ร้อนแรง ความสวยงามของเส้นทางวิ่งที่ลากยาวจากแม่ฮ่องสอนไปสิ้นสุดที่อำเภอปาย ย่อมเป็นสิ่งที่เย้ายวน ท้าทายความสามารถของผมซะเหลือเกิน จนทำให้ผมไม่รีรอสมัครโดยทันที
สิ่งหนึ่งที่ผมจะได้จากสนามนี้คือคะแนนจาก i-tra ประมาณ 5 คะแนน แล้วจะเอาไปทำไม? คะแนนเหล่านี้วัดจากความยากง่ายของสนามคำนวณออกมาเป็นคะแนน เก็บไว้เพื่อใช้สมัครรายการใหญ่ๆ ของโลกอาทิเช่น UTMB (UltraTrail® Du Mount-Blanc) ซึ่งใช้คะแนนในการสมัครทั้งหมด 9 คะแนน
หลังจากผมจบรายการ Columbia Trail Master ที่หนองใหญ่ชลบุรีก็วางแพลนถึงสนามต่อไปที่จะลง 100km ด้วยความที่ราคาการสมัครค่อนข้างสูง ทีนี้ก็ต้องมีการขอสปอนเซอร์กันบ้างละ Buzzwoo! คือบริษัทที่ผมทำงานและโครงการ Buzzwoo! Active คือกิจกรรมดีๆ ที่ให้พนักงานในบริษัทร่วมด้วยช่วยกันวิ่ง เพื่อบริจาคให้เด็กกำพร้า และหมาจรจัด โดยจะจ่าย 10 บาทต่อ 1 กิโลเมตร โดยตั้งเป้าไว้ที่ 100,000 บาทในหนึ่งปี และยินดี Support ผมในการวิ่ง 100 km UltraTrail® Panoramic ในครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างสูงครับ
ซ้อมยังไง?
ยอมรับว่าผมได้แผนการซ้อม 100km ที่ดีมากๆ อันหนึ่งอยู่ในมือแต่ไม่เคยได้ซ้อมตามแพลนนั้นเลย จะเรียกว่าคำแก้ตัว หรือเหตุผลก็ได้ เพราะผม “ไม่มีเวลา” และแบ่งเวลาให้การซ้อมยาวๆ ได้น้อยมากประดุจดังกิ้งก่าได้ทองยังไงยังงั้น
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ซ้อมเลยนะ ช่วงหลังๆ มีวันหยุดบ่อยก็พอได้เทรลยาวๆบ้าง ด้วยเชียงใหม่มีดอยสุเทพ-ปุยให้ได้ไปวิ่งเล่นบ่อยๆ แล้วยังมีสนามที่เอาไว้ลงคอร์ดหลายที่ ผมใช้เวลาที่มีในช่วงเช้าเป็นส่วนใหญ่กับการไปวิ่งขึ้นดอยสุเทพ(เทรล) หากมีเวลาเหลือก็ Repeat ไปซักสองรอบ บางวันก็เปลี่ยนเส้นไป Hill Repeat หลังห้วยตึงเฒ่าบ้างในบางโอกาส บางครั้งก็ไปวิ่ง Tempo ใน MTB Track หลังห้วยตึงเฒ่าก็มี
Buzzwoo! Active Running Clinic อีกหนึ่งโครงการดีจากบริษัทผมเองงงงง ทุกวันอังคารพนักงานที่รักการวิ่งก็จะมาเข้าร่วมเทรนนิ่งนี้ โดยเจ้านายใจดีจ้าง Harry Jones มาเป็นโค๊ชให้ซะเลยชอบวิ่งกันดีนัก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้เน้นเรื่องการวิ่งเทรล ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่อง Interval, ทักษะการวิ่งอื่นๆ กับ Fartlek สำหรับวิ่งถนนมากกว่า แต่ดีสำหรับผมตรงที่ว่าเรายังได้คำแนะนำ มีคำถามเราถาม อะไรประมาณนี้ ทั้งหมดคือการซ้อม ใช่แล้วมันไม่เพียงพอ T-T
แต่ที่ผมอยากซ้อมมากๆ คือวิ่งตอนกลางคืนที่อยากซ้อมไม่ใช่อะไร แค่อยากรู้ถึงความรู้สึก ร่างกาย อาการต่างๆ ในช่วงเวลากลางคืนว่าเป็นยังไงเราจะได้เตรียมตัวถูก ประจวบเหมาะกับน้องนีโม่วิ่ง 100km โป่งแยงเทรลพอดีเลย เป็น Pacer ให้น้องเขาซะเลย [ตามอ่านที่ Pacer PongYang Trail 100] ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยกับประสบการณ์วิ่งกลางคืนที่ทำให้ได้เตรียมตัวในหลายๆ อย่างก่อนแข่งจริง
สายอุปกรณ์หรือเปล่า? เตรียมอะไรบ้างตอนแข่ง?
เรื่องอุปกรณ์ที่จะใช้ในการแข่งไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษเลย คิดเอาไว้ว่าง่ายๆ Simple มากที่สุดที่แรกกะจะไม่ใช้ Trekking Pole แต่พอใน Graph เห็นดอยลูกสุดท้ายละเอิ่มยืมน้องนีโม่ดีกว่าเอาไปลองใช้ก่อนถ้าเวิร์คเราจะจัดเองเลยยย ส่วนเฮดแล้มป์เอาไปอันเดียวก็ยังไงสองอันเผื่อฉุกเฉินละกันก็ได้ของนีโม่มาอีกหนึ่งอัน เป้น้ำก็อันเดิมที่เคยใช้
เนื่องจากตอนนี้หน้าหนาวเอาติดไปหนึ่งตัวคือเสื้อกันลม กับเสื้อกันหนาวสำหรับวิ่งอีกหนึ่งตัวน่าจะพอ ที่เหลือก็ถุงเท้าเดิมๆ สองคู่ ผ้าบัฟเอาไปสี่ผืนประสบการณ์จากโป่งแยงสอนไว้ว่าเอาพันคอไว้อันหนึ่ง ปิดปากกับจมูกอันหนึ่ง โพกหัวอันหนึ่ง เพราะช่วงดึกอากาศเย็นหวัดจะถามหา เพราะเป็นคนแพ้อากาศเย็น หมวกอีกหนึ่งใบ และปลอกแขนเอาไว้กันแดดและกันหนาว
ที่กังวลที่สุดใน race นี้คืออาหารและของกิน ใช้เวลาคิดนานมากว่าจะกินยังไง ระยะไหนกินอะไร ปรึกษาปรินท์แห่ง Doctor Sport ทั้งอาหารที่ต้องกินก่อนแข่ง ระหว่างแข่ง และหลังแข่ง รวมไปถึงอาหารเสริมต่างๆ ด้วยขอบคุณปริ้นท์มากครับ
วันแข่งนั่งรถ 2 ชั่วโมงครึ่ง!!!!
Race นี้ปล่อยตัวประมาณ 10:00 am แต่ว่าเราต้องไปขึ้นรถที่ รร.ปายวิทยาคารพร้อมกับทิ้งดรอปแบ็คไว้ตรงนั้น รถเที่ยวสุดท้ายออกหกโมงเช้า!!!!
ไปถึงที่ รร.ปายฯ ด้วยอากาศที่หนาวเย็นเตรียมดรอปแบ็คจัดของลงทะเบียน ตอนนี้กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะเอา Trekking Pole ไปดีไหมสุดท้ายตัดสินใจเอาไปด้วย ทีแรกคิดว่ารถตู้ที่ไหนได้ 4WD ครับผมนั่งกระบะอีกต่างหากโอยยย นี่ขนาดยังไม่แข่งนะ เขย่ากันไปตลอดทาง ทั้งลม อากาศก็หนาว ฝุ่นนี่เรียกว่าเต็มหัว ลงหลุมก้นระบม ทุกคนบ่นตลอดทางเมื่อไหร่จะถึงสักทีเนี่ยยยยยย
สิ่งแรกที่ทำเมื่อถึง รร บ้านหมากพริกคือ กินข้าวววว ที่นี่มีข้าวต้ม ข้าวผัด โจ๊ก ไข่เจียว โอยยยหิวแบบนี้ขอข้าวต้มก่อนมีลูกชิ้นอีกสี่ห้าลูก พอให้อิ่มพยายามจะไม่ให้แน่น อิ่มแล้ว ออกไปเตรียมเป้น้ำ จัดแจงสัมภาระต่างๆ ให้เข้าที่เข้าทาง อากาศยังเย็นๆ ตัดสินใจถอดเสื้อกันลมเก็บไว้ก่อนดีกว่า ทุกอย่างเรียบร้อย พร้อมแล้ว!!!
เริ่มแล้ว มหากาฬย์ 100 Km
สถานที่ปล่อยตัวเป็นจุด CP ของระยะ 100 miles อีกด้วย เราจะเห็นนักวิ่งระยะ 100 miles หลายคนเข้ามาแล้วออกไปเยอะพอสมควร ยอมใจพวก 100 miles จริงๆ เด็กชาวเขาเริ่มยืนตั้งแถวหน้าประตูโรงเรียนด้วยชุดประจำเผ่าน่ารักสดใส ชอบตรงที่ว่าเป็นงานที่จัดง่ายๆ และอบอุ่นภาพเดิมของทีละก้าวหายไป ตอนนี้วิ่งทุกคนพร้อมแล้ว เสียงนับถอยรอ พร้อมกับความตื่นเต้นที่รออยู่เบื้องหน้า 5 4 3 2 1 ไปปปปปปป
ทางลงอยู่ไหน?
วิ่งไปได้สักพักประมาณ 500 เมตร เจอทางขึ้นแบบชันๆ คิดว่าน่าจะขึ้นปรกติไปเรื่อยๆ ก้มมองแผนที่ที่ติดกับ BIB เห้ย ไม่มีทางขึ้นนี่หว่าแล้วก็ขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่มีสิ้นสุดสักที ก้มมอง BIB มองแล้วมองอีก มันไม่มีทางขึ้นนี่นาาาาาาา เอาแล้วสิโดน RD แล้วไงหน้าพี่นพยิ้มมุมปากลอยมาแต่ไกลเลยทีเดียว ตั้งหน้าตั้งตาไต่ไปเรื่อยๆ รู้สึกโชคดีที่ไม่เอา Trekking Pole เก็บไว้ ได้ใช้ตั้งแต่เริ่มเลยทีเดียว
หลังจากเริ่มมาสักประมาณ 3-4km เห็นจะได้ ก็ผ่าน จุด A4 ในใจคิดว่าเห้ย ทำไมถึงเร็วและนักวิ่งก็ไม่มีใครหยุดด้วยสิเพราะค่อนข้างจะเร็วไปและ A4 ไม่มีน้ำไม่มีอะไรสักอย่างด้วย ไม่เป็นไรตั้งหน้าตั้งตาไต่กันต่อไป หวังว่าจะเจอทางลงในไม่ช้า
เจอทางลงแล้ววววว ช่วงนี้ลงยาวๆ สลับขึ้นเป็นบางครั้งคิดในใจเอาไงดีกับทางลงช่วงนี้จะทำเวลาหรือไปแบบสบายๆ เห็นหลายๆ คนบินกันลงไปอย่างกะนก คิดในใจ Save ตัวเองดีกว่าวิ่งไปแบบชิวๆ ทางช่วงนี้สวยด้วย ทั้งเมฆบางๆ สลับกับดอย นี่ถ้ามาช่วงเช้าๆ ทะเลหมอกแน่นอน ทางลงลูกรังสลับดินแข็งมีบางช่วงลื่นๆ ต้องระวังแต่ Altra Lone Peak 3.0 ของผมยังทำงานได้ดีไม่บกพร่อง ทางไหนลงชันๆ ก็ Trekking Pole เข้าเบรก
ทะลุขึ้นมาบนทางถนนลูกรังที่ขับรถผ่านมาช่วงเช้า เจอพี่นพขับรถสวนมาคอยบริการนักวิ่งบอกว่าน้องเขาตั้งจุด A4 เร็วไป และน้ำก็ยังเข้าไม่ถึง Shot นี้ตราตรึงใจทำให้เรารู้ว่าทีมงานมีความใส่ใจนักวิ่ง พี่นพเติมน้ำให้เพราะยังไง CP1 ยังอีกไกลน้ำหมดแน่ถ้าไม่เติม ขอโค๊กพี่นพใส่ขวดน้ำติดตัวไปอีกหนึ่งขวดรับไป CP1 กันดีกว่า
กว่าจะถึง CP1
หลังจากเติมน้ำจากพี่นพ ก็วิ่งไปตามถนนเตรียมลงไปสู่ CP1 ทางช่วงนี้พีคมากสวยงามจริงๆ ทั้งวิวภูเขาสวนข้าวโพดของชาวบ้านมองลงไปมีหมู่บ้านท่ามกลางหุบเขา ทำให้เราหยุดมองอยู่หลายต่อหลายครั้งทีเดียว ช่วงนี้เป็นทางลงสลับทางขึ้นมีทางคอนกรีตเป็นบางช่วง
ทางของฝุ่น ใช่ครับมันคือทางของฝุ่นทุกครั้งที่มีรถสวนขึ้นมา ฝุ่นตลบไปหมด ดีที่เตรียมผ้าบัฟหนึ่งอันไว้ที่คอ คอยดึงมาปิดจมูกเมื่อมีฝุ่นเยอะๆ เรียกว่าแทบไม่เห็นทางกันเลยทีเดียว ลงไปยาวๆ ผ่านพี่ๆ ที่วิ่ง 100 Miles กันหลายคนทักทายจับมือทุกคนยอมใจทุกคนจริงๆ
ทางลงยาวๆ มีทางขึ้นสลับให้ได้พักหัวเข่าบ้างเป็นบางช่วง อาากาศเริ่มร้อนแดดเริ่มมา ทางลงที่ชันๆ ตอนนี้ต้องใช้ Pole ยันเพื่อเบรกเอาไว้ด้วยทางลงยังวิ่งได้ปรกติ ช่วงสุดท้ายก่อนถึง CP1 เป็นคอนกรีตล้วนๆ พยายามเซฟหัวเข่าอย่างมาก เพราะเริ่มรู้สีกว่าหัวเข่า และข้อพับเริ่มล้าบ้างแล้ว
ถึง CP1 หนึ่งจนได้ หลายๆ คนชอบ CP1 รวมทั้งผมด้วย ก็น่ารักขนาดนั้นนนน ใจอยากหยุดตรงนี้ให้นานแสนนานนนนน การ์ตูนกับพี่ต่ออยู่ที่ CP1 ด้วยเย้ๆ ทักทายถ่ายรูปกันไป พักสักแป๊บทานน้ำ ตอนนี้ทุกคนเริ่มทยอยเข้ามาสู่ CP1 ได้เวลาเราออกจากที่นี่ละลุยต่อ A5 รอเราอยู่
ปัญหาที่ไม่เคยเจอ และไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น!
สถานีต่อไปคือ A5 ตามบรีฟ สเตชั่นนี้มีอาหารตามสั่ง และผมแพลนว่าจะกินข้าวกลางวันตรงนี้และน่าจะไปถึงช่วงบ่ายสามโมง ตอนนี้ทางเป็นคอนกรีตขึ้นๆ ลงๆ ไม่ได้ทิ้งห่างนักวิ่งท่านอื่นสักเท่าไหร่ก็วิ่งๆ ไปด้วยกันคุยๆ กันไปมีบ้างบางช่วงที่ทิ้งห่างกันไป แต่ก็ยังพอตามกันได้อยู่ หลังจากลงยาวๆ บนคอนกรีตตอนนี้เริ่มรู้สึกล้าที่เข่าและข้อพับเป็นอย่างมากจนบางครั้งต้องหยุดเดินเพื่อพักหัวเข่า
อากาศเริ่มร้อน เริ่มวิ่งกลางแดดมากขึ้น ประกอบกับอาการหิวข้าวด้วยเลยเปิดกระเป๋าหยิบ Energy Bar มาหนึ่งอันเกินไปเดินไป กินไปได้คำที่ 5 สำลักเลยครับช่วงนั้นแย่มาต้องหยุด จนพี่ที่พักด้วยกันต้องหยุดพร้อมหันมาดู ช่วงที่สำลักรู้สึกถึงอาการเจ็บที่กระบังลม เห้ยเป็นอะไรหรือเปล่ามีความกังวลเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งข้อ แต่คิดแล้วไม่น่าจะมีอะไรคงเป็นผลมาจากอาการเหนื่อย
หลังจากหยุดพักจากการสำลัก สักแป๊บหนึ่งก็ไปต่อได้ตอนนี้เริ่มเป็นทางลงสลับทางราบมากขึ้นแต่ยังเป็นถนนคอนกรีตเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดกับตัวเองคือท้องอืด อาหารไม่ย่อย ตอนนี้นี้เริ่มวิ่งไม่ได้ เลยใช้ Power Walk อย่างเดียว ทุกคนล่วงหน้าไปก่อนแล้ว แต่เรายังไปเร็วไม่ได้เพราะเต็มกระเพาะอาหารเลย ทำให้คิดถึงพี่เอมที่บอกตั้งแต่ก่อนแข่งแล้วว่ามียาช่วยย่อย เอาติดตัวไปด้วยไหม ด้วยความที่ไม่เป็นเคยเป็ฯอาหารไม่ย่อยเลยปฏิเสธพี่เอมไป แต่ตอนนี้เป็นไงล่ะ
เป็นช่วงเวลาที่แย่ คิดอยู่อย่างเดียวว่าเดี๋ยวมันก็ย่อย ไม่นานหรอกระยะทางไป A5 เหลืออีกไม่ไกลในใจคิดว่าเดี๋ยวถึง A5 คงย่อยหมดพอดี วิ่งได้นิดเดียวก็ต้องหยุดเดินเพราะจุก เดินสักพักพยายามวิ่งก็วิ่งได้ไม่เยอะจุกเหมือนเดิม การวิ่งบนคอนกรีตนี่ไม่ชอบเลย T-T เสียดายที่ไม่ได้ชื่นชมวิวในจุดนี้เพราะอาการท้องอืดนี่แหละเป็นอะไรที่แย่มากเหลือเกิน ในที่สุดก็มาถึง A5 สักที
A5 อาหารตามสั่งแล้วไง T_T
วิ่งลงมาถึง A5 เจอนักวิ่งหลายๆคนที่นำเราไปก่อนหน้ากำลังล้อมวงกันกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย เข้ามาด้วยความพะอืดพะอม ถอดเป้น้ำออกทำให้ร่างกายเย็นสักพักคิดในใจยังไงก็ต้องกินเพราะว่ากว่าจะถึง CP2 ไม่มีข้าวแล้วนะ ใจจริงอยากจะกินข้าวผัดร้อนๆ สักจาน แต่คิดว่าคงกินไม่ไหวกับอาการที่เป็นอยู่เลยขอสั่งแค่ข้าวต้มก็ได้สักถ้วยใหญ่ๆ ก็ยังดี
ข้าวต้มร้อนๆ พร้อมเสริฟตักกินได้หนึ่งช้อนก็รู้ทันทีว่าไม่ได้ ยัดยังไงก็ไม่ลงเพราะในท้องเต็มไปหมดไม่ย่อยเลย T-T แย่มากมายในตอนนั้นที่ทำได้คือเดินไปหยิบส้มมาสองลูก กินส้มไปก่อน แล้วก็ขอโทษทางแม่ค้า และทีมงาน ที่สั่งข้าวต้มมาแต่กินไม่ได้เลย ผมขอโทษจริงๆ นะครับบบ ถ้าหากทีมงานผ่านมาอ่าน ผมต้องขอภัยตอนนั้นรู้สึกแย่มากจริงๆ
ไม่มีประโยชน์ที่จะนั่งอยู่ที่ A5 ใส่เป้น้ำใส่หมวกผมจะออกไปแล้วครับ หยิบส้มมาอีกหนึ่งลูก หยิบกล้วยมาสองลูกใส่กระเป๋าไว้ โค๊กหนึ่งขวด ขอบคุณและขอโทษทีมงานอีกครั้ง เดินไปฉีดสเปรย์ที่หลังหัวเข่าแล้วออกวิ่งต่อไปตามถนนคอนกรีตเข้าหมู่บ้านมุ่งหน้าสู้ CP2
หายท้องอืดแล้วววว
ออกจาก A5 เข้าสู้หมู่บ้าน หลายคนปรบมือให้กำลังใจมีเด็กคอยบอกทางเพราะป้ายบอกทางตรงนั้นติดไว้ไม่ค่อยชัดหลงกันไปหลายคน ออกจากหมู่บ้านลัดเข้าไปในไร่ของชาวบ้านทางตรงนี้สวยมาก แต่ยังวิ่งไม่ได้เหมือนเดิม ยังจุกอยู่ ทางช่วงนี้ชาวบ้านปลูกพืชผักอยู่แต่ไม่รู้เป็นอะไรเดาว่าเป็นกระเทียม หรือไม่ก็ผักชี สักอย่างมีการติด Springer ให้เราได้วิ่งผ่านให้คลายร้อน
กินส้มที่หยิบมาด้วยหวังจะให้ย่อยเร็วๆ พร้อมกับโค๊กแบบไม่เขย่าเผื่อจะช่วยได้บ้าง อาการเริ่มดีขึ้นบ้างบางส่วน เริ่มวิ่งได้เบาๆ ถึงแม้จะไม่ไกลแต่ก็ยังดีกว่าเดินอย่างเดียว วิวตรงนี้จะไม่เหมือนช่วงที่อยู่บนเขา แต่ก็สวยมากผ่านไร่ข้าวโพดเลาะผ่านแม่น้ำปายที่ไหลหล่อเลี้ยงเกษรตกรแถวนี้ ชาวบ้านขับรถผ่านฝุ่นกระจายทุกคนก็ให้กำลังใจกันไป
อากาศเริ่มเย็นลงแล้วเพราะเข้าสู่ช่วงเย็น ยังคงเดินสลับวิ่งไปเรื่อยๆ ทางฝุ่นขาวๆ นกเริ่มบินกลับรังพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าอากาศดีมาก วิวสวยเริ่มมีหมอกตอนเย็นก่อนที่จะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เลยหยุดเตรียมตัวเอา HeadLamp ขึ้นมาใส่ถ่าน 3A คาดหัวไว้พร้อมใช้งาน พักแป๊บนึงแล้วไปต่อเมื่อไหร่จะถึง CP2 สักที
เปิดไฟ Head lamp วิ่งแล้วตอนนี้เพราะมืดแล้ว ยังคงมีรถชาวบ้านที่กลับจากไปทำสวนมาเป็นระยะ แสดงว่าเราใกล้จะถึงละ ทางเริ่มวนเข้ามาอีกหมู่บ้านหนึ่งอีกครั้งเริ่มเป็นถนนคอนกรีต ชาวบ้านที่อยู่ตามข้องทางพลอยบอกให้นักวิ่งอีกไม่กี่ร้อยเมตรก็ถึงจุดพักแล้ว ในที่สุดก็เจอถนนใหญ่เลี้ยวซ้ายซักพักก็เข้าสู่ CP2 เย้ถึงจนได้ครึ่งทางแล้ววววว
10km สู่ A6 ที่นานมากเหลือเกินนนนน
เข้าสู่ CP2 เจอพี่นพคนแรก และการ์ตูนกับพี่ต่อก็รออยู่ตรงนี้เช่นกัน เจอ Rene อยู่ตรงนี้เราก็คิดในใจมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง ควรจะไปไกลกว่านี้แล้วนะ หาอะไรกินไม่มีอะไรนอกจากขนม กล้วยและส้ม นักวิ่งหลายคนผิงไฟ เรากะว่าจะพักตรงนี้นานๆ เอาให้หายเหนื่อย ตอนนี้อาการท้องอืดหายไปแล้วทุกอย่างกลับเป็นปรกติอีกครั้งหนึ่ง
คุยกับ Rene ว่าทำไมมาอยู่ตรงนี้ ทำไมพักนานจัง แกตอบกลับมา DNF ตัวเองเรียบร้อย เพราะว่าเจออากาศร้อนในตอนกลางวัน ร้อนจัดร่างกายเหมือนผิดปรกติเขาเลยหยุดและ DNF ตัวเอง ปลอดภัยกว่า เริ่มถามพี่นพว่า A6 มีของกินไหมคำตอบที่ได้คือ มาม่า ขนมปังและขนมอื่นๆ มีเต๊นท์ให้นอน เห้ย เราไม่อยู่แล้วเปลี่ยนแผนใหม่ ไปตอนนี้เลยดีกว่าไปกินมาม่าที่นั่น แล้วนอนพักเอาแรงดีกว่ามานั่งเฉยๆ ตรงนี้ เตรียมของเติมน้ำ และออกจาก CP2 ทันท
เจ้าหน้าที่บอกว่า 10km ถึงจุด A6 แบบนี้จ๊อกไปสบายๆ สักชั่วโมงกว่าๆ คงถึงละ วิ่งออกมาอย่างรวดเร็วผ่านหมู่บ้านมาเรื่อยๆ ช่วงนี้คนกินเหล้าเยอะมาก เรามาคนเดียวก็เสียวกันไป รถที่สวนมาก็ไม่มีทีท่าว่าจะลดความเร็วลงซะเลย ต้องใช้ไฟเข้าส่องเพื่อเตือน
ถนนยาวๆ ไป A6 อันแสนมืดมิดโดดเดี่ยวทั้ง Race วิ่งคนเดียวเกือบตลอดทาง เริ่มไม่มีบ้านคนละ วิ่งเบาๆ สลับเดินเพื่อเซฟตัวเองสำหรับเนินมหาโหดที่จะต้องเจอช่วงท้าย บรรยากาศเริ่มวังเวง เชี่ยละมองไปด้านซ้ายป่าช้าเลยไหมล่ะ แหม่ จากเดินเปลี่ยนเป็นวิ่งเลยทีเดียว
ออกจาหหมู่บ้านมานานมากแล้ว ส่องไปข้างหน้าพร้อมกับอุทานออกมา เชี่ยยยย นึกว่าจะไปสบายไม่ต้องขึ้นดอย ยังจะต้องมาเจอดอยอีกเหรอเนี่ยแล้วมาม่ากูล่ะ น้ำตาจิไหลลลล ทำอะไรไม่ได้นอกจากจ้ำ Trekking Pole แต็กๆไต่ขึ้นไปเรื่อยโดยไม่มีทีท่าว่าจะลง
มองดูนาฬิกาเห้ย 11 กิโลแล้ว A6 อยู่ไหนนนน ใครบอกว่า 10km ฟร๊ะไอ้เราก็อัดมากะว่าสักสิบโล ไม่ถึงสักกะที ถนนก็ขึ้นๆ ลงๆ หิวก็หิว ทำได้แต่เดินไปเรื่อยๆ สลับวิ่งบ้างเริ่มมองเห็นแสงไฟ แสดงว่าเริ่มเข้าหมู่บ้าน แล้วในที่สุดก็เจอสีกที A6 ในตำนานสิบโลเชี่ยๆปาเข้าไป 14km
กิน พัก หลับ เก็บแรงเพื่อดอยเมี่ยง
พี่ต่อ และการ์ตูนยังคงอยู่ที่ A6 ขอบคุณการ์ตูนที่ต้มมาม่าให้ พี่นพบอกเอาเข้าไปในเต้นได้เลย แน่นอนนครับบบบ ข้างนอกหนาวซะขนาดนั้น ไม่ลืมที่จะหยิบดรอปแบ็คเข้ามาในเต้นด้วย
ใส่กางเกงรัดกล้ามเนื้อทับเลยไม่ถอดกางเกงตัวเดิมละ เอาเสื้อกันหนาวมาใส่ เตรียมของทุกอย่าง เสร็จแล้วขอลิ้มรถมาม่าหน่อย ด้วยความหิวซัดไปไม่เหลือน้ำ อิ่มพอดีถึงเวลาหลับบบบบ ของีบสามสิบนาทีหัวถึงพื้นภาพตัดทันที
โทรศัพท์ดังขึ้นเพราะตั้งเวลาปลุกเอาไว้ เห้ยนี่เราได้นอนหรือยังเนี่ยยทำไมเร็วจัง ตื่นมาจัดแจงร่างกายออกไปนอกเต้นทานกล้วยกับส้มเพิ่ม ออกจาก A6 มุ่งหน้า C3 อีก 5km
โดดเดี่ยวกลางป่าละเมาะ ออกจาก A6 ไม่มีคอนกรีตแล้ว วิ่งออกมาพร้อมนักวิ่งบรูไน อากาศหนาวเย็นขึ้นเพราะตอนนี้ใกล้เที่ยงคืนแล้ว เสื้อกันหนาวยังใส่แต่ตัวเดียว ดึงผ้าบัฟมาปิดปากกับจมูก ด้านบ้านคลุมหัว คลุมหน้าผากเหลือแต่ลูกตา ปล่อยให้นักวิ่งบรูไนแซงไปก่อน
จากทางราบเริ่มเข้าสู่เนินเล็กๆ ลัดเลาะป่าไปเรื่อยๆตามเส้นทางมอไซต์ของชาวบ้าน ผ่านหมู่บ้านหมาเห่าระนาว ในใจคิดว่ามึงอย่าวิ่งมานะ ไม่มีแรงหนีละ ผ่านเข้ามาในหมู่บ้านอีกครั้งสักพักถึง CP3
ข้าวต้มเลิศรส ป่าไผ่ กับป่าช้าเที่ยงคืน
สอบถามทีมงานบอกว่าที่นี่มีข้าวต้มกับก๋วยเตี๋ยว กาแฟ ไว้บริการ จัดข้าวต้มอุ่นๆ ไปหนึ่งถ้วยอิ่มอร่อย แต่เริ่มง่วง พักนอนอีกงีบดีกว่า เจ้าหน้าที่บอกมีเปลนอนอยู่ เลยขอนอนสัก 30 นาที
สะดุ้งตื่นเพราะอากาศหนาวมาก เราไม่ได้ขยับตัวเลยเย็น สรุปนอนไปแค่ 15 นาที ไม่เป็นไรในเมื่อนอนไม่ได้ก็ขอไปต่อเลยดีกว่า ออกจาก CP3 ผ่านรีสอร์ทช่วงเที่ยงคืนพอดี เจอนักท่องเที่ยวร้องเพลง ดื่มกันอยากสนุกสนานแทบอยากไปแจม และขอสักแก้วสองแก้ว วิ่งเบาๆต่อไป ผ่านอ่างเก็บน้ำตรงนี้ผมว่าถ้าผ่านมาช่วงกลางวันคงจะสวยน่าดู
เลยอ่างเก็บน้ำเริ่มออกจากชุมชน เข้าป่าซะที จะสะดุดกับเครื่องหมาย !!! ของทีมงาน โดยปรกติแล้วแล้วเครื่องหมายนี้จะติดเพื่อเตือนทางอันตรายเช่น ลื่น เหว ฯลฯ ตรงนี้ทางปรกติไม่มีอะไรเลย หยุดวิ่งหันไปทางซ้าย
เชี่ยยยย ป่าช้าอีกละ เมรุเผาศพ ศาลามาเต็มอยู่หน้าป่าช้าแบบเก๋ๆ ป่าช้าที่สองของ Race นี้ขอบคุณความตื่นเต้นที่ทีมงานทีละก้าวมอบให้ วิ่งอวดพี่กันเลยทีเดียวแบบนี้
ส่องไฟไปมาสักพักไปดีกว่า ออกไปอย่างเร็ว เลาะเข้าป่าไผ่ ทางขึ้นเริ่มแล้วววว ทางขึ้นเริ่มชันก้มดูกราฟเป็นระยะๆ จะไม่อยากจะเชื่อมันขึ้นอีกแล้ววววว ทางช่วงนี้อันตรายจริงๆ ด้วยความมืดทางแคบแบบ single track มีป้ายเตือนเป็นระยะ
ป่าไผ่ในความมืดมาพร้อมเหวด้านซ้าย ต้องค่อยเดินไปอย่างระวัง ไม่วิ่งละครับตอนนี้กลัวลื่นตก เริ่มชันขึ้นเรื่อยๆ สลับมาเหวด้านขวาบ้าง เริ่มเห็นวิวบ้างบางจุด แนะนำพี่นพคราวหน้าอยากผ่านเส้นนี้ตอนกลางวันนนน
เจอเพื่อนนักวิ่งสองคนพี่ผู้หญิงดูเหนื่อยมากเหมือนจะอ๊วกด้วย แต่ยังไหวอยู่มีพี่ผู้ชายมาด้วยเราเลยผ่านต่อไป ขึ้นไปเรื่อยๆ อากาศเย็นเมื่อไหร่จะสุดเนี่ยยยยย สักพักเจอกับพี่คนหนึ่งค่อยๆ ไต่ลงช่วงทางลงเขาวิ่งร้อยไมล์โอยย สุดยอดมาก สุดๆ สักพักขึ้นไปเจอทีมมอเตอร์ครอส นอนรอนักวิ่งบนยอดเขาเลยจัดการขอโค๊กไปสองแก้ว
คุยกับทีมมอเตอร์ครอสสักพัก ออกมาเริ่มเป็นทางลงชันและลื่น วิ่งได้เป็นบางช่วง เทรกกิ้งโพลใช้เบรกรัวๆ ทั้งไต่ทั้งเบรกช่วยได้โคตรเยอะ ลงมารัวๆ จนมาทะลุถนน ข้ามแม่น้ำไม่อยากลุยเทรกกิ้งโพลจ้ำๆ ดูความลึก เลยไปทางด้านข้างดีกว่า เริ่มมาในหมู่บ้านแล้วก็ถึง A7 จนได้
ดอยเมี่ยงในตำนาน บ้าไปแล้ววว
พักคุยกับพี่ๆ ที่ A7 มีไข่ต้มและขนมบริการทีมงานก็ต้มไข่ไว้รอนักวิ่ง ใข่ต้มตีหนึ่งคืออร่อย กินไปสองฟองพออิ่มตั้งแต่ท้องอืดผมไม่กินเจลเลยแอบระแวงมาก ดูนาฬิกา 70km แล้วนั่งพักเติมน้ำ ไปลุยดอยเมี่ยงกันเลยย
ออกจาก A7 มาผ่านสวนชาวบ้านมาเรื่อยๆ ตอนนี้คือขึ้นอย่างเดียวทางขึ้นไม่ชันมากพอเรียกความหอบ ท้องฟ้าเปิด ดาวสวยมากสวยจนต้องปิดไฟแหงนมองดูท้องฟ้า ด้วยความมืดมิด ผมไม่ได้เห็นดาวเยอะขนาดนี้มานานมากแล้ว สวยงามจริงๆ
ขึ้นรัวๆ หมดสวนชาวบ้านแล้วตอนนี้ความชันเริ่มเปลี่ยน ก้มมองดูกราฟที่ติด BIB ด้วยความรู้สึกที่ว่าเชี่ย ของจริงเริ่มละ มันชันมากจะเปรียบกับที่ไหนดีเนี่ย ชันกว่าโป่งแยงช่วงสุดท้ายอ่ะ ขึ้นได้โหดมาดเป็นทางคอนกรีตสลับดิน รถถ้าจะขึ้นเกียร์ออโต้หมดสิทธิ์ ความชันประมาณนี้แหละนะผมว่า
ตอกแตกๆ เสียงเทรกกิ้งโพลปักพื้นดินเป็นจังหวะไปเรื่อยๆ ไม่มีแววว่าจะถึงสักทีทำได้แค่ปลอบตัวเองกันต่อไป เดินขึ้นไปพลางส่องไฟไปข้างบนเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะสุด หยุดมองดาวบ่อยๆ เบื่อก็พักขานับก้าวกันไป เล่นโทรศัพท์กันไป เล่นเฟสกันไป
หากคิดในอีกมุมหนึ่ง ช่วงเวลานี้ปราศจาคสิ่งรบกวนมากได้อยู่กับตัวเอง คุยกับตัวเอง มีความคิดอะไรหลายๆอย่างเกิดขึ้นที่ตรงนี้ มีสมาธิมากขึ้น คิดถึงลูกสาว ก็เปิดดูวิดีโอ แล้วเดินขึ้นไป เมื่อไหร่จะถึงฟร๊ะ
ในที่สุดก็ถึงถนนที่เป็นทางลงรัวๆ โอยน้ำตาจะไหลขึ้นมาได้ยังไงบ้าไปแล้ว แต่ที่พีคกว่าคือลูกศรไม่ได้บอกให้ลง ให้ไปทางขวาหันไปทางขวาเชี่ย ขึ้นอีกละคอตกเดินขึ้นไปต่อ ไม่มีทางคอนกรีตดินล้วนๆ และมันก็ขึ้นแบบเดิมไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ
เจอป้ายบอกลานชมวิว 3km น้ำตาจะไหลข้าวไข่เจียว ข้าวไข่เจียว ดูกราฟมันต้องลงแล้วนี่หว่าถึงจะเจอ A8 เห้อกราฟแม่งอยากฉีกทิ้ง ขึ้นต่อไป เจออุ๊บอิ๊บพอดีมากำลังไปข้างหน้าแบบโหมด Auto Pilot อุ๊บอิ๊บบอกอย่าพึ่งไปเดินเป็นเพื่อนหน่อยไม่งั้นหลับแน่
เดินคุยกับอุ๊บอิ๊บในทางชันๆ เพื่อไม่ให้ความง่วงมาแทรกแทรงเวลาตอนนั้นก็เกือบตีห้าละ อย่าเรียกคุยเลยเรียนบ่นดีกว่า เมื่อไหร่มันจะลง เมื่อไหร่จะเจอไฟ บ่นกันไปโอยถึงสักที่ A8 ที่รัก ขอข้าวไข่เจียวเน้นๆ หอมๆ อุ่นๆ นอนรอข้าวไข่เจียว ง่วงแต่นอนไม่ได้เพราะอากาศหนาวมากกินข้าวไข่เจียวสวรรค์อร่อยที่สุด หกโมงแล้วพระอาทิตย์กำลังจะขึ้นตรงทะเลหมอก สวยจริงๆ ตอนนี้ยืนอยู่บนลานชมวิวที่ความสูง 1675 เมตรจากระดับน้ำทะเล ท้องฟ้าเปิด ด้านล่างทะเลหมอกน่าจิบกาแฟรอพระอาทิตย์ขึ้นเป็นอย่างยิ่ง เจอน้องโอ๊ตนึกว่าเข้าเส้นไปแล้วซพอีก ไม่มีเวลา ต้องไปแล้ว
ทางลงไปหาหมั่นโถว
พร้อมออกจาก A8 มุ่งหน้าสู่ CP4 พี่เจ้าหน้าที่บอกลงอย่างเดียวจ้าไปได้เลย ออกมาสักพักผ่างงง ทางขึ้นครับพี่น้องอุทานเป็นเสียงเดียวกันทางสามคน เชี่ยยยยย ขึ้นชันๆอีกแล้ว ตอนนี้ไม่ได้ใช้ไฟละสว่างแล้ว ด้านซ้ายวิวภูเขาพร้อมทะเลหมอกโอยยย สวรรค์ชัดๆ เข้าสู่ทางลงแบบจริงจังสักที
ทางลงก็นะแพลนที่คิดไว้คือเติมข้าวไข่เจียว แล้ววิ่งลงแต่นี่อัลไลลล ทางลงที่แทบจะใช้เวลามากกว่าทางขึ้น วิ่งไม่ได้ลื่นมาก ชันมาก ถ้าวิ่งมีกลิ้ง เทรกกิ้งโพลเบรกรัวๆ เซฟหัวเข่าสไลด์ลงก็ไม่ได้ ทั้งชันทั้งโค้ง
เข้าสู่ป่าสนอันสวยงาม ดอยเมี่ยงสวยจริงอะไรจริง ที่ป่าสนเป็นทางลงไม่ค่อยชันพอวิ่งได้ดินไม่ค่อยแข็ง อยู่ที่ป่าสนประมาณ 1-2km กำลังชื่นชมความงามของป่าสน ลงอีกละเหมือนเดิม ทั้งชันทั้งลื่น แอบเสียวเทรกกิ้วโพลหักอยู่เหมือนกัน เบรกตลอดเวลา
วิ่งลงมาสักพักเจอช่างภาพเก๊กหน่อยๆ นิมิตรหมายอันดีว่าใกล้ถึงแต่ก็ยังลงรัวๆ “พี่อีกไกลไหมครับ” เสียงตอบกลับมาว่า “โลครึ่งครับ” หวังว่าเขาคงไม่หลอกเราาาาา ลงมาสักพักหมดแล้ววววววววทางลงโหดๆ เจอพี่มอเตอร์ครอสจอดอยู่บอกว่าผมขับขึ้นไปยังเหนื่อยเลย
ทางไม่ชันมากแล้ววิ่งได้ ผ่านช่างภาพคนที่สองตอนนี้วิ่งรัวๆ ผ่านสวนลิ้นจี่ เลาะไปเรื่อยผ่านช่างภาพคนที่สาม วิ่งเลาะไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็ทะลุมาถึง CP4 นักท่องเที่ยวมาดูทะเลหมอกกันอย่างเยอะเลย วิ่งไปหาทีมงานหมั่นโถวววววหิวแล้ววว
Battery Low!
ยืนคุยกับเจ้าหน้าที่พักนาฬิกาเตือน แบตใกล้หมด !!! เห้ย 91km แล้วรีบวิ่งออกจากหยุนไหลทันที มุ่งหน้าเข้าสู่ตัวอำเภอปาย เส้นทางถนนตลอดแนวประมาณ 10km ใกล้แล้วอีกนิดเดียวต้องรีบเพราะนาฬิกาจะตายแล้วววว
นักท่องเที่ยวเยอะมากเขามาดูทะเลหมอกและหมู่บ้านจีนกันหมด การจราจรติดขัด ทั้งบิ๊กไบต์ทั้งจักรยาน ก็ว่ากันไป ส่วนเราก็อัด Pace 5 ไปเรื่อยๆ ข้าวไข่เขียวกำลังทำงาน นาฬิกาเตือนแบตใกล้หมดไปเรื่อยๆ ใจคอไม่ค่อยดีกลัวมันหมดก่อน 100km มี อปพร อำนวยความสะดวกทุกแยกสุดยอดมาก ตอนนี้กลัวอยู่อย่างเดียวแบตหมดดดด
วิ่งแซงหลายๆ ท่านที่ทั้งเดินทั้งวิ่งเข้าเส้น ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยเพราะนาฬิกาผมเหลือแบต 5% เองครับอยากให้ได้ระยะ 100km ผ่านตัวอำเภอปาย เข้าสู่โรงเรียนปายวิทยาคาร เส้นชัยอยู่เบื้องหน้า!!!!
Finally I did it!
เสียงเจ้าหน้าที่ประกาศนักวิ่ง 100km กำลังจะเส้น เจ้าหน้าที่ทุกคนมารอกันอยู่เส้นชัย แล้วก็วิ่งเข้าเส้นชัยจำได้ว่าพี่ทีมงานเอาเหรียญมาคล้องให้ Rene เข้ามาแสดงความยินดีเป็นคนแรก จากนั้นไปถ่ายรูปรับเสื้อ นักวิ่งบรูไนที่เข้ามาก่อนเข้ามาแสดงความยินดีหลังจากที่ผลัดกันแซงมาหลายครั้ง จบแล้ว จบจนได้ และจบอย่างสวยงาม ทั้งสนาม ทีมงาน และมิตรภาพ
Special Thanks
- ขอบคุณน้องโอ๊ต พี่นุกที่คอยขับรถไปๆ มาๆ
- พี่ต่อ การ์ตูน สำหรับมิตรภาพแล้วการดูแลยินดีที่ได้รู้จักครับ
- น้องนี่โมกับอุปกรณ์ยังชีพ
- พี่เอมที่ไปเป็นเพื่อน และที่พัก
- เพื่อนๆ กลุ่มเต่าที่คอยเชียร์และส่งกำลังใจ
- ทีมงานมอเตอร์ครอสดูแลตลอดเส้นทาง
- ทีมงานช่างภาพกับรูปสวยๆ
- ทีมงานทีละก้าวที่คอยอำนวยความสะดวก
- RD ที่หาเส้นทางให้ได้วิ่ง
- กำลังใจจากครอบครัว
สุดท้ายที่ ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนทุกอย่างตลอดมา Buzzwoo! & Buzzwoo! Asia
Comments