Space Oddity ในแบบของผม
วันนี้เปิดเพลง The man who sold the world ที่ Nirvana นำมา cover ในคอนเสริตสุดท้ายของ Kurt Cobain (MTV Unplugged) ระหว่างทำงาน แล้วก็ปล่อยมันรันไปเรื่อยๆ จน Tidal เล่นเพลง Space Oddity เพลงโปรดของผมเอง และเป็นเพลงที่มันบ่งบอกในตัวตน และสิ่งที่ผมกำลังเป็นอยู่ได้อย่างดีเลยทีเดียว จนผมเอาไปโพสใน Facebook พร้อมกับเนื้อเพลงบางท่อน
Planet Earth is blue And there’s nothing I can do
มีหลายคนถามเข้ามาว่าเพลงอะไร มนุษย์อวกาศรึ อะไรต่างๆ นาๆ แสดงว่ามีคนกดฟังด้วยแฮะ เอาเป็นว่าผมจะเล่าให้ฟังว่า เพลงนี้ผมอินกับมันยังไง ความหมายของเพลงคืออะไร ทำไมผมฟังแล้วดิ่ง และความหมายของมันในแบบของผม
เกี่ยวกับเพลง Space Oddity
Space Oddity เป็นเพลงของนักร้องชาวอังกฤษที่ชื่อว่า David Bowie เพลงนี้เปิดตัวเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 1969 (2512) ผมยังไม่เกิดเลย และเป็นเพลงประกอบหนังเรื่อง Love You till Tuesday จริงๆ แล้วเพลงนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังเรื่อง 2001: A Space Odyssey ซึ่งฉายในปี 1968 และ “ผู้พันทอม” ในเนื้อเพลงก็มาจากหนังเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
เพลงนี้จริงมันก็มีความหมายในตัวของมันเอง ในเนื้อเพลงของมันเองนะ จริงๆ เพลงนี้ดังเพราะแกแต่งมาเพื่อเสียดสีการส่งยานอวกาศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องการเมือง หลังจาก Apollo 11 กลับมาจากดวงจันทร์นั้นแหละ ผมไม่ขออธิบายเรื่องนี้นะ ลองไปหาข้อมูลอ่านกันต่อได้เลย สเปซออดิที
ความหมายในแบบของผม
เพลงแต่ละเพลงมีความหมายที่ลึกซึ้ง คนแต่งเพลงหรือนักร้องมักจะซ่อนข้อความ หรือความรู้สึกเอาไว้ในเนื้อเพลงด้่วย อยู่ที่ว่าใครจะเข้าถึงหรือเข้าใจไปในทางไหนเท่านั้นเอง
Though I’m past one hundred thousand miles I’m feeling very still And I think my spaceship knows which way to go Tell my wife I love her very much she knows
ผมฟังเพลงนี้ครั้งแรกตอนปีหนึ่ง ฟังต่อเนื่องมาจากเพลง The man who sold the world รอบแรกก็คิดว่าเพลงแปลกดี ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายเท่าไหร่ เมื่อก่อนผมชอบฟังเพลงจากคลื่นวิทยุก่อนนอน ซึ่งมีคนขอเพลงนี้เข้ามา เสียงดนตรีกับเนื้อเพลงกรอกเข้าหูฟังผ่านหูของผม บนที่นอนเพียงลำพัง มันทำให้ผมตั้งใจฟังและแปลเนื้อเพลงเท่าที่เข้าใจ ผมรู้สึกว่าความหมายที่ผมจับใจความได้ทำไมมันดู ซับซ้อน พร้อมซ่อนบางสิ่งเอามากมายเหลือเกิน
“ผมอยากเป็นผู้พันทอม” คือสิ่งที่ผมคิดตลอดเมื่อฟังเพลงนี้ เราอยู่ในโลกที่แสนวุ่นวายใบนี้ ดำรงชีวิต แข่งขันแย่งชิงสิ่งต่างๆ
“Here am I floating ‘round my tin can Far above the moon Planet Earth is blue And there’s nothing I can do”
ออกไปนอกอวกาศ ไม่มีอะไรเลยที่นั่น ความว่างเปล่า ความเงียบ ไม่ต้องมีอะไรที่ต้องรับรู้ กระโดดออกไปสู่ความว่างเปล่า หากเราหลุดจากทุกอย่างได้ ไม่ต้องคิดอะไร ผมคิดว่าที่แห่งนั้นคงจะมีความสุขน่าดู
ความสุขที่แท้จริงแล้วคือความไม่มี หรือความไม่มี และผมคิดว่าสิ่งนั้นคือความตาย
อีกไม่นาน ผมจะตามคุณไป “ผู้พันทอม”
Comments