Singha Songkran Chiang Mai Night Run
Summary
เป็นยังไงกันบ้างครับกับงานสงกรานต์ที่พึ่งผ่านพ้นกันไป หลายคงเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน ผมเองก็เช่นกันไม่ได้เล่นน้ำเลย ไม่ได้ซ้อมวิ่ง ไม่ได้ซ้อมปั่น แต่ก็ยังมีงานวิ่งมาให้ได้ออกกำลังอยู่หนึ่งงานคืองาน สิงห์สงกรานต์เชียงใหม่ครับ งานนี้วิ่งขึ้นดอยสุเทพแล้วลงมา มารีวิวให้ฟังกันนะครับบบ
สมัครวิ่ง
หากจะวิ่งก็ต้องสมัครใช่ไหมครับ งานนี้ผมสมัครไม่ทันอีกเช่นเคยครับ ไม่ใช่เพราะว่าสมัครช้านะครับแต่ผมไม่คิดว่าจะไปวิ่งด้วยซ้ำครับเพราะเห็นว่าสงกรานต์น่าจะเมาแน่นอน ดูในเว็บก็ยังชั่งใจอยู่นิดว่าจะวิ่งดีไหม เพราะยังมีโอกาสสมัครวันแข่งช่วงบ่าย ในที่สุดตัดสินใจแข่งดิ่งไปสมัครที่สวนสัตว์เลย จะสมัครทั้งที 21km ไปเลยครัชชชช ผมห้าวอยู่แล้ว
คนที่สวนสัตว์เชียงใหม่เยอะพอสมควรเพราะเป็นวันสงกรานต์พาครอบครัวมาเที่ยวกัน ไปถึงเขียนชื่อสมัครจ่ายตังค์ รับ Race Pack ตรวจสอบ Tracking Ship รับเสื้อเป็นอันเสร็จพิธี
Race Pack
งานนี้แจกถุงสีชมพูครับ คุ้นๆกันไหม หน้าถุงเขียนไว้ชัดเจนว่า “เมืองไทยมาราธอน 2015” นั่นไง reuse อีกแล้วนะครับ (แต่เรื่องถุงเห็นดราม่าในเว็บเพียบ) เปิดออกมาสิ่งที่เราได้คือ
- เสื้อกล้ามสีขาว เนื้อผ้าบางเบาสำหรับใส่วิ่ง มีรูระบายอากาศด้านหลัง ใส่สบายดีไซน์โอเคสีขาวลายน้ำดื่มตราสิงห์ ขอชื่นชม
- ไฟสำหรับวิ่ง แบบธรรมดาทั่วไปหาซื้อได้ตามร้านจักยานหรือตลาดนัดอันนี้โอเค
- สายคาดเอวสำหรับติด BIB อันนี้ชอบเพราะผมเป็นคนที่ไม่ชอบใช้เข็มกลัดติด BIB BIB พร้อม track ถือว่าทำได้ดีกว่า CMU มาราธอน
Start
มาถึงสวนสัตว์เชียงใหม่ก่อนเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเพราะต้องการเผื่อเวลาวอร์มร่างกาย แต่รถติดครับ ด้วยความแคบของทางเข้าสวนสัตว์เชียงใหม่ประกอบกับลานจอดรถที่มีน้อยและแคบอยู่แล้วก็ต้องวนหาที่จอดกันไป จอดได้ก็ลงมาที่งานหาเพื่อนๆก่อน
ก่อนเข้ามาแวะซื้อกล้วยตากมากล่องหนึ่งเพราะคิดว่าคงหาซื้อเจลไม่ได้แล้วล่ะ พกกล้วยมาด้วยเลยแต่ดันมาเจอแม่ค้าเอาเจลมาขายด้วยงานนี้ 100 บาทแอบแพงนะเนี่ย แต่ไม่เป็นไร ซื้อไว้ 1 อันเอาไปพร้อมกล้วยตากในกระเป๋าคาดเอว
พร้อมแล้วครับ ในหัวก็วางแผนการวิ่งขอไม่เกิน 2:30 ชั่วโมง เพราะเป็นทางขึ้นยาวกะจะขึ้น Pace 7 ไปเลยเพราะไม่เคยซ้อมขึ้นดอยสุเทพมาก่อนเลย ตอนลงค่อยว่ากันใหม่ คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่งานนี้ เท่าที่เห็นตัวเต็งก็คงจะหนีไม่พ้นพวกแอฟริกันแน่นอน 8:00pm ปล่อยตัว!!!!
5km แรก
ยังประคอง Pace ของตัวเองได้ดีในช่วง 1-2km แรกอยู่ใน Pace 6 วิ่งสบายๆ เริ่มแซงคนอื่นขึ้นมาเรื่อยๆเพราะเห็นหลายคนวิ่งออกมาเร็วมากสุดท้ายกลายเป็นเดิน ประคองความเร็วยกมือไหว้รูปปั้นครูบาตามปรกติยังวิ่งชิวๆ ไปเรื่อยๆ ค่อยแซงขึ้นไปพร้อมกับทางชันและความมืด มีบางช่วงรู้สึกเหมือนวิ่งคนเดียวเพราะไม่มีใครเลย มีรถสวนลงมาเป็นระยะ แอบกังวลเรื่องความปลอดภัย
ผ่านศาลาที่มีคนเคยแขวนคอตาย บรึ๋ยยยยยย เดี๋ยวลงมาก็ต้องผ่านอีกไม่คิดดีกว่า 555 ถึงจุดชมวิวเราไม่หยุดชมวิวนะครับ ประคอง Pace ตัวเองต่อไปครับช่วงระยะทางประมาณ 3-4km เริ่มตกลงมาที่ 6 กว่าเกือบ 7 แล้ววว แต่ก็ยังไม่มีใครแซงเราขึ้นไป ถือว่ายังใช้ได้
ถึงระยะกลับตัวของ 10km แล้วยังวิ่งสบายอยู่ ไม่มีอาการบาดเจ็บ ไม่มีอาการล้ายังคงวิ่งต่อไปและตอนนี้คนจะเริ่มน้อยลงเพราะส่วนใหญ่ลง 10km กันหมด
8km หลังจากผ่าน 5km มาทางเริ่มชันขึ้นมากกว่าเดิม ลมแรงอันนี้เซ็งมาก ต้องวิ่งต้านลมขึ้นไปตอนนี้ Pace ของผมเริ่มตกไปเป็น 6 ปลายถึง 7 เลย ไม่รู้ว่าความชันจะเยอะกว่านี้อีกไหมและต้องเก็บแรงขาลงอีก ยังประคองความเร็วตัวเองวิ่งไปเรื่อยๆ บางช่วงที่ถนนมืดแล้วเริ่มวิ่งคนเดียว พยายามเปิดไฟแล้วถือไฟส่องทาง บางครั้งก็ยังมีรถขึ้นไปบนดอย และสวนลงมาเป็นระยะ อันตรายนะครับ น่าจะปิดถนนไปเลย
ตอนนี้เริ่มมีคนวิ่งสวนลงมาแล้ว แอฟริกันครับ ที่หนึ่งวิ่งสวนลงไปแล้ว และก็มีคนอื่นๆ ตามลงมากันเรื่อยๆ ครับ
ลมเริ่มแรงขึ้นต้องคอยโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อให้ลู่ลมจะได้วิ่งง่ายขึ้น เสียพลังงานไปเยอะพอสมควรกับการที่ต้องวิ่งต่อสู้กับลม อีกแค่ 2.5km เองก็จะได้วิ่งลงแล้ววว
11km กลับตัว
ยังคงวิ่งต้านลมไปเรื่อยๆ มีทั้งกิ่งไม้และใบไม้ที่หักและหล่นลงมาบนพื้นถนน ต้องคอยหลบบางครั้งยังแอบกลัวว่าจะตกมาใส่หัวเราไหมเนี่ยลมแรงขนาดนี้ ใกล้เข้าสู่ทางชันก่อนถึงวัดพระธาตุแล้วอีกนิดเดียวเอง ตรงนี้นับว่าเป็นทางชันที่สุดก่อนจะกลับตัววิ่งลงมา
เป็นไปตามคาดครับ ลมแรงกับความชันขนาดนั้นผมมิอาจจะสู้ไหว พยายามวิ่งช้าๆ แต่เพื่อรักษาพลังงานเดินดีกว่า เดินประมาณ 100เมตรจนถึงจุดกลับตัว ตอนนี้รู้ตัวทันทีว่าขาลงต้องทำเวลาเพราะเสียเวลาตอนเดินไปมาก กลับตัวแล้วเตรียมลง
18km ลงลูกเดียว
ยังคงหายใจทางจมูก อัตราการเต้นของหัวใจปรกติ กล้ามเนื้อยังไม่ล้าทุกอย่างโอเค เริ่มวิ่งทันที ความชันและการวิ่งลงด้วยความเร็วถือว่าไม่ได้เป็นผลดีเลยเพราะฝ่าเท้ากระแทกแรงมากจนรู้สึกได้ ช่วงวิ่งลงช่วงแรกวิ่งที่ Pace 4-5 ถือว่าเร็วมากเพราะความอันตรายทั้งรถที่สวนมา และความมืด ประกอบกับวิ่งคนเดียวด้วย และลมก็แรง
ช่วง 15km เป็นต้นไป ส่วนใหญ่วิ่งคนเดียวรัวๆ เลยครับเพราะทิ้งช่วงห่างมากทั้งคนข้างหน้าและคนข้างหลังเรียกว่าแทบไม่มีใครเลยจะมีก็แค่คนสวนขึ้นมาแบบประปรายเท่านั้น เริ่มคิดไปเองว่าจะมีใครแอบมาวิ่งเป็นเพื่อนรึเปล่าเนี่ย!!!
19-21km ตระคริวมาเยือน
ผมเริ่มรู้สึกล้าที่ขาละ แต่ข้อดีคือไม่มีอาการเจ็บเข่ามาเยือนเลยรู้สึกว่าวิ่งรอบนี้เรานี้วิ่งสบายมาก มีเจ็บข้อเท้าขวาบ้างบางครั้งไม่เป็นไรมี Unirain ในกระเป๋าแวะฉีดเป็นช่วงๆ
ตอนนี้ตระคริวเริ่มขึ้นที่ขาซ้ายจนต้องหยุดวิ่งไปหลายครั้งเหมือนกัน เพราะไม่อยากให้เป็นทั้งขาและทุกครั้งที่หยุดก็ฉีดสเปรย์ตลอดเลย ไม่ใช่แค่เราที่เป็นตระคริวพี่ฝรั่งก็เป็นช่วยฉีดสเปรย์ให้เขาไป
วิ่งแบบตระคริวแดกจนกระทั่งเข้าเส้ยชัยเวลายังทำได้ถือว่าโอเค แต่ผมยังไม่พอใจเอาไว้แก้ตัวงานหน้า
เวลา
~2:14:07~ strava.com/activities/544193466
สรุปการจัดงาน
- เป็นครั้งแรกที่วิ่งที่ความชันเยอะสุดแบบนี้
- ไม่มีประสบการณ์ทำได้เท่านี้ถือว่าผ่าน
- น้ำมีทุก 2km ขอชมเชย
- แอบหวังว่าจะมีของกินนอกจากแตงโมที่ 13km ไม่มีเลย
- น้ำขาลงหายไปไหนหมดดดดด
- ขาลงมืดสุดๆ อันตรายสุดๆ รถลงมาต้องบีบแตรไล่ #รู้สึกไม่ปลอดภัย
- ทางเข้าเส้นชัยสับสนมาก แคบ และมีทางเข้าหลายทาง ไม่รู้อันไหนเป็นจองระยะไหน
- ได้เหรียญ 5km มาวิ่ง 21km นะครับบบบบบอันนี้ไม่ให้อภัยเลย
- อาหารหมด
- ปีหน้าไม่วิ่งงานนี้แล้ววววววว
คะแนน
ให้ 6/10 คะแนน
Comments