[Pacer] – Pong Yang Trail
Summary
ผ่านไปแล้ว 1 อาทิตย์สำหรับเทรลรายการที่ดีมาก อาจจะเป็นรายการที่ดีที่สุดในประเทศเลยก็ว่าได้ครับ ทั้งคุณภาพ เส้นทาง ความละเอียดของการจัดงาน รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ถูกเติมแต่งใส่ใจทุกขั้นตอนของทีมงาน เรียกได้ว่าใครไม่ได้มาวิ่งงานนี้แทบต้องร้องออกมาเป็นเสียงเดียวกันเลยครับว่าเสียดายเป็นอย่างมาก (ผมก็เช่นกัน)
โป่งแยงเทรล
โป่งแยงเทรล เป็นเทรลรายการใหญ่ที่มีระยะไกลสุดคือ 100km และความชันรวมทั้งหมด 4800+ เมตร ซึ่งถือว่าไม่ง่ายเลยที่จะจบสนามนี้แบบหรูๆ ผมเองก็มีโอกาสทราบตั้งแต่วันแรกที่เปิดรับสมัคร ตอนนี้ผมยังเบบี๋กับการวิ่งอยู่เลย ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเทรลเขาวิ่งกันยังไง ตอนนั้นก็ยังลังเลอยู่ว่าจะสมัครดีไหม? หรือจะลง 30km ก่อนดี หรือ 66km ไม่น่าจะไหว และ 100km ไม่มีในหัวเลยแล้วสุดท้ายก็ไม่ได้ลงสักระยะ ทำให้ต้องมารู้สึกเสียดายตอนหลัง ก่อนแข่งสักสองเดือน
แต่ยังมีโอกาสไปวิ่งในสนามเมื่อต้องเป็น Pacer ให้น้องนีโม่ขาแรงของพวกเรา ไม่ได้คิดว่าวิ่งเพซเซอร์ครั้งนี้เพื่อซ้อมไป Panoramic 100km ไม่ได้คิดว่าวิ่งครั้งนี้เพื่อซ้อมยาวแต่มาครั้งนี้พร้อมกับความคิดที่จะทำยังไงเอาน้องเขาไปถึงเส้นชัยแบบไม่ Cut Off หรือ DNF เพราะรู้ดีตั้งแต่แรกว่าต้องวิ่งในป่าตอนกลางคืนแน่นอน
เตรียมตัว
แอบไปดูกราฟความชันของสนามนี้มาก่อนมาเป็น Pacer และหลังจากที่เห็นความชันแล้วแอบมีอุทานเบาๆ ในใจ จะผ่านช่วงสุดท้ายไปได้เยี่ยงไรในเมื่อน้องเขาวิ่งมาเกือบร้อยโล ทีนี้เลยวางแผนให้น้องนีโม่เตรียมเจลอัดใส่กระเป๋าให้เต็มที่แล้วดรอปเอาไว้ที่ A9 เลยเพราะต้องพลังหมดแน่หลังจากลงดอยปุยมา
ที่จริงไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่ก็น้องนีโม่เพราะเป็นขาแรงอยู่แล้วมีแอบคำนวณเวลาไว้เรียบร้อย 5555 (เอามาตรฐานตัวเองไปวัดเขาอีก) ที่จริงเคยโค๊ชให้นีโม่อยู่ช่วงนึงแต่พอย้ายมาทำงานที่เชียงใหม่ก็เวลาไม่ค่อยมีเลยต้องซ้อมกันไปตามีตามเกิด 555 ผมไม่ได้เตรียมอะไรเยอะมีแต่ของกินขนม เอาใส่ไว้กันนีโม่ลืมหรือพลาด แต่ส่วนใหญ่น้องเขาน่าจะเตรียมไว้แล้ว รอโทรศัพท์อย่างเดียวถ้าต้องการอะไรเพิ่ม
Pacer พร้อม!!!
นักวิ่ง 100km ปล่อยตัวไปแล้วคาดว่านะจะประมาณหกโมงเช้า ส่วน Pacer ตื่นประมาณ 7.30 ฮ่าฮ่า ประมาณการเอาไว้ว่าจะไปถึงที่สวนพฤกษศาสตร์ประมาณ 11.30 น. เพื่อไปรอรถรับส่งไปที่ A7 คำนวณเอาไว้แล้วว่านีโม่คงมาถึงประมาณ 2-2.30 น. ช่วงนี้ก็ยังดู Live เป็นระยะแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะดูยังไงเวลาก็ไม่ขึ้น เอาเป็นว่าเดาเอาละกัน
ถึงสวนพฤษศาสตร์ประมาณ 11 โมงกว่านิดๆ แล้วก็ไปคุยกับ Pacer ท่านอื่นๆด้วยก็ได้เจอนักวิ่งมากมายหลากหลายที่ ถึงเวลารถออกไป A7 แล้ววววแอบเห็นเพซเซอร์ที่ดู Live กันบอกว่าส่วนใหญ่เข้ามา A4-A5 กันแล้วนะ เราก็ใจชื้นเดี๋ยวนีโม่ก็มาาาา
A7 Pacer’s Station
จุด A7 จุดนี้เป็นจุดที่ Pacer ของนักวิ่งแต่ละคนจะสามารถเข้าร่วมวิ่งด้วยประมาณกิโลเมตรที่ 57 นักวิ่งหลายๆคนเมื่อมาถึงจุดนี้จะตาลุกวาวมีกำลังใจวิ่งขึ้นมาอีกครั้งเพราะจะมีเพื่อนวิ่งด้วย มีเพื่อนลาก ลากเพื่อน จะยังไงก็แล้วแต่จะไม่ได้วิ่งเดียวดายในค่ำคืนแห่ง Supermoon แน่นอน ณ จุดนี้มีกะเพราไก่บริการรับรองใครวิ่งเข้ามากินตื่นแน่นอน ขนาดผมแอบกินไปหนึ่งจานยังตื่นระเบิดเถิดเทิง
อย่างที่ผมบอกรายละเอียดที่ซ่อนอยู่ในงานโป่งแยง ทุกคนสัมผัสได้เสมอ Station นี้ผู้หญิงชาวเขามาเป็นผู้บริการให้นักวิ่ง พวกให้เกียรติโดยการแต่งชุดเต็มยศของชนเผ่าคอยบริการน้ำดื่ม น้ำโค๊ก คอยช่วยรินน้ำให้นักวิ่งด้วยรอยยิ้มที่สดใส ผู้ใหญ่บ้านที่มาดูแลความเรียบร้อยพร้อมให้บริการหากขาดเหลือสิ่งไหน นักวิ่งหลายๆ ท่านคงได้ลิ้มรสชาร้อนๆ ต้มเองรสชาติไม่ขม ไม่ฝาดเกินไป ชาหอมๆ นั่งจิบชาตรงนี้แทบจะอยาก DNF 555
พี่รัช(รัชชี่) วิ่งเข้ามาเป็นคนแรกช่วงเวลาประมาณ 12.00น ทิ้งห่างที่ 2 พี่สัญญา ประมาณ 20 นาที ตามด้วยแฮรี่ หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที ตอนนี้นักวิ่งหัวแถวเริ่มทยอยกับเข้ามาที่ A7 กันแล้วแต่ยังไม่ Pacer คนไหนออกจากจุด A7 ไปสักคนเลยยยย
เวลาล่วงเลยไปนีโม่ยังไม่มาเลยไปเดินเที่ยวกับ Pacer ท่านอื่นๆ ที่โรงเรียนของพ่อหลวงไปดูต้นไม้ที่พ่อทรงปลูกทั้งสองต้นเป้นเวลากว่า 50ปีมาแล้ว เดินกลับมาสวนทางกับนักวิ่งเป็นระยะๆ นีโม่ก็ยังไม่มาดูเวลาตอนนี้ก็บ่ายสามละ เริ่มคิดว่านีโม่น่าจะอัดช่วงแรกไปเยอะเพราะเปิดดู Live ช่วง A1-A3 นี่นำมาเลย น่าจะหมดแรงหรือไม่ก็คงเจอความชัน หยิบกระดาษความชันมาดูรัวๆ
นักวิ่งเริ่มเข้ามาเยอะขึ้นเรายังนั่งชิวกินไปเรื่อยๆ ดร.จุ่ง เข้ามาพอดีก็มีโอกาสได้นั่งคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องวิ่งกันไป เรื่อยๆ พร้อมกับนักวิ่งที่เริ่มเข้ามาเป็นระยะๆ Pacer บางท่านได้เริ่มงานแล้ว เริ่มวิ่งออกไปทีละคน และแล้วในที่สุด ในที่สุด ในที่สุด นีโม่ก็มาาาาาาาา ภารกิจ Pacer ลากนีโม่ไปให้ถึงเส้นชัยกำลังจะเริ่มขึ้น ณ บัดนี้แล้วววว
เข้าสู่ช่วง Supermoon!
ใน A7 พักหายเหนื่อยกินข้าวให้ตื่นก็เริ่มไปกันต่อช่วงนั้นก็เวลาประมาณสัก 17.15 น. อากาศกำลังดี แสงจากท้องฟ้าเริ่มเหลือน้อยลงไปทุกที ตอนนี้นักวิ่งของเรายังมีความดีดเพราะพึ่งออกจาก A7 หลังจากได้พักไปช่วงหนึ่ง หรืออาจจะเป็นเพราะดีใจที่ได้เจอ Pacer ฮ่าาาาา “ตรงนี้ทางราบเราวิ่งกันไหม” จากน้ำเสียงแสดงว่ายังใจสู้ถ้าเป็นแบบนี้น่าจะไต่อันดับขึ้นไปได้อยู่
สักพักทุกอย่างก็กลายเป็นว่า “เดินเถอะนะ ตึงน่องและขาไปหมด” แววตาและเริ่มท้อถอยและท้องฟ้าก็กำลังมืด ทุกตอนนี้กลุ่มที่ออกจาก A7 เริ่มตามมาติดๆ ทั้งการ์ตูน เป้า หรือคนอื่นๆ (แอบไม่รู้จักชื่อ ฮาาา) เริ่มมาทักทายอ้าวนีโม่สู้ๆ แล้วทุกคนก็จรหายไปในแสงสุดท้าย หันมองนีโม่ก็กำลังจ้ำโพลแบบรวดเร็วพยายามจะเร่งสปีด แต่ดูแล้วคงไม่ไหว คิดในใจเราต้องเปลี่ยนแผน!!
“ขอเดินแบบนี้ทั้งคืนได้ไหม ไม่ไหวแล้ว”
ทีนี้แผนที่คิดไว้ก็ล่มไป หยิบไฟมาติดหัว “มันจะขึ้นแบบนี้ไปเรื่อยจนถึง A8 เลยนะ” สีหน้าและแววตาเริ่มไม่ค่อยดี “เราเวียนหัว อยากอ๊วกมาก” อาการนี้เริ่มรู้ว่าร่างกายนีโม่ขาดสมดุลของน้ำตาลกะเกลือ (พูดอย่างกะเป็นหมอ 555) ค้นในกระเป๋า Salt Stick ไปหนึ่งเม็ดรวมกับให้อินผาลัม ให้ฝืนกินเข้าไป
ตอนนี้มืดสนิทคงจะเหลือแต่แสงสลัวๆ จาก Supermoon และไฟที่หัวของนักวิ่งเท่านั้น นีโม่เป็นนักวิ่งที่ดีอย่างหนึ่งถึงแม้จะมีอาการล้า เหนื่อย แต่จะไม่ยอมหยุดจะเดินไปเรื่อยๆ เอ๊ะหรือว่าน้องเขาอยากหยุดแต่เราไม่ยอมหยุด 555 เริ่มล้วงกระเป๋าเอาโพยมาดูว่าเหลืออีกเท่าไหร่จะถึง A8 ห๊ะ นี่พึ่งออกจาก A7 มา 4 km???
เข้าป่ารกกลางคืน
อีกหนึ่งเหตุผลที่ควรมี Pacer คือการวิ่งในป่าในสภาพที่ร่างกายไม่ค่อยตอบสนองกับสิ่งที่ควรจะเป็น ตอนนี้ทางตัดเข้าในป่าทึบ ค่อนข้างจะรกพอสมควร ตรงนี้จะเป็นทางตัดขึ้นเขาตลอดก่อนจะไปเจอ A8 นีโม่เริ่มถามถึงระยะพร้อมกับเริ่มบ่นออกมาว่าจะไม่ไหวแล้วง่วงมาก ผมเปลี่ยนแผนเป็นให้นีโม่เดินข้างหน้า เดินช้าๆ ถ้ามีแรงให้ใช้ Power Walk แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเพราะน้องยิ่งง่วงกว่าเดิม เอาใหม่เราไปข้างแล้วพยายามเดินหนี อันนี้ได้ผลน่าจะเป็นเพราะความกลัวเพราะข้างหลังคือป่ารก ข้างหน้าก็เช่นกัน ยิ่งเดินเร็วเท่าไหร่ นีโม่ก็ตามมาเร็วเท่านั้น และดูเหมือน Pole จะเป็นอะไรที่เกะกะ เพราะบางช่วงของทางมีหินลื่น เลยเอามาถือไว้ไม่ให้นีโมใช้
ถึงแม้แผนจะเดินหนี แล้วให้นีโม่เดินตามจะได้ผลแต่ก็ต้องคำนวณแรงของน้องเขาใหม่เพราะจาก A8 ไป A9 ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จอนนี้เริ่มเห็นแสงไฟของนักวิ่งบนยอดดอยปุย “นี่เราต้องขึ้นไปบนนั้นเลยเหรอเนี่ย ไม่ขึ้นไปแล้วได้ไหม” ช่วงเวลานี้ต้องให้กำลังใจสุดๆ เพราะน้องทั้งง่วง ทั้งเหนื่อย และไม่อยากจะวิ่งต่อแล้ว
ไต่ขึ้นไปบนเนินหน้านีโม่ตอนนี้รู้ทันทีว่าเหนื่อยและง่วงมาก เข้ามาสู่ A8 จนได้เห็นแสงไฟแล้ว เห็น A8 แล้วตอนนี้ให้นีโม่นอนและคุยกันว่าจะนอน 20นาที นักวิ่งเริ่มทยอยเข้ามาใน A8 เรื่อยๆ ทั้งเหลียง พี่มด พี่แฮรี่ พี่เค๊ก และคนอื่นๆ ก็นั่งทักทายกันคุยกันไปที่สดชื่นก็คงจะมีแต่เพซเซอร์ กินสาหร่าย เกลือแร่ ส่วนนีโม่สลบไปตอนไหนไม่รู้
ยอดดอยปุยที่ไม่เหมือนเดิม
“นีโม่ ตื่นๆ จะไปกันแล้ว” งัวเงียขึ้นมาพร้อมยื่นเจลให้หนึ่งซองและ Salt Stick อีกหนึ่งเม็ด “เราออกไปพร้อมกันเกาะกลุ่มกันไปดีกว่า” จากนั้นก็บส่งพาสปอร์ตให้ทางชุดผู้ดูแล A8 ประทับตราขาออก เกาะกลุ่มกันไปหกคนมี พี่มด เหลียง พี่แฮรี่ และพี่เค๊ก “ต่อไปเราจะขึ้นอย่างเดียวละนะ” ตอนนี้นักวิ่งได้พักถามอาการก่อน นีโม่บอกดีขึ้นเพราะได้นอนงั้นแสดงว่าช่วงขึ้นดอยปุยไม่น่ามีปัญหาอะไร ค่อยไปพักที่ A9 อีกทีเลยแล้วกัน
ไต่ดอยขึ้นไปเรื่อยๆ พี่มดนำไปก่อนเราจึงตามไปสมทบคุยเล่นกันไปมาจนลืมว่าเรามีนักวิ่งลดความเร็วลงมาวิ่งคู่กับนีโม่อีกครั้ง ตอนนี้ทุกคนยังเดินกันต่อไปเรื่อยๆ ครั้งนี้มีเพื่อนคุยเยอะขึ้น น่าจะบรรเทาความง่วงไปได้เยอะ อากาศเริ่มเย็นเริ่มคิดถึงเสื้อกันหนาว เพราะเสื้อกันลมตอนนี้เอาไม่อยู่แล้ว
นักวิ่งหลายคนเริ่มสวนทางลงมาหนึ่งในนั้นก็มีหมอพลอยแต่ดาวฮิลล์ลงมาอย่างรวดเร็ว ฝั่งนักวิ่งเรามองปริบๆ แล้วจ้ำอ้าวขึ้นไปกันต่อ ถึงหมู่บ้านขุนช่างเคี่ยนแล้วต่อไปก็คือขึ้นสู่ยอดดอยปุย ครั้งแรกที่ต้องขึ้นดอยปุยกลางดึกแบบนี้และเรารู้ดีว่ามันไม่ง่าย!! พี่มดกับเหลียงขึ้นไปก่อน ตอนนี้พยายามลากนีโม่ขึ้น ส่วนพี่เค๊กกับพี่แฮรี่หายไปแล้ว ตามๆ ขึ้นไปติดๆกับเหลียงพี่มดเริ่มไม่ตอบสนอง เริ่มเงียบแล้วก็เดินไปเรื่อยๆ แบบไม่มีสัญญานตอบรับ ทางขึ้นชันๆ ที่เราคุ้นเคย ซึ่งทุกคนรู้ดียกเว้นเหลียงกับพี่มด
ด้วยความมืด ด้วยความเย็น ด้านซ้ายคือเมืองเชียงใหม่มีแสงไฟสวยงามเช่นเดียวกับด้านขวาฝั่งแม่ริม แม่แตง ลมช่วงนี้แรงอากาศเย็นขึ้นตอนนี้ต้องขอบคุณผ้าบัพของทีมงานปิดหน้า ปิดหัวเหลือแต่ลูกตาละตอนนี้ นีโม่ยังมีแรงตะกายขึ้นเพราะพึ่งจากพักมาจาก A8 ส่วนเหลียงก็ยังโอเคแต่ที่ไม่โอเคคือพี่มดดดดดด
ตอนนี้เหลียงถามว่าอีกไกลไหม เราก็บอกครึ่งละ 5555 พี่มดกับเหลียงถ้าจะคิดในใจกูไม่น่าถามเลยยยย ที่บอกตามความจริงเพราะทุกคนได้คำนวณแรงตัวเองถูก “พี่ไม่ไหวละเวียนหัว พี่ขอกลับก่อนนะเหลียง” ห๊ะ สตั๊นกันไป 10 วิ เอ่อพี่มดจะ DNF ตัวเองครับบบบ ตอนนี้นักวิ่งขวัญหนีดีฝ่อ Pacer DNF!!! ตาเรามั่งก็แอบบอกนีโม่ พี่ว่าจะกลับพร้อมพี่มดอ่ะนะ ง่วงนอนมาก นีโม่ทำหน้าไปไม่เป็นอย่าทิ้งเราาาาาาา ตอนนี้พี่มดจ้ำอ้าวขึ้นไปละครับนักวิ่งโดนลากขึ้นไปเรื่อยๆ คิดว่าใจพี่มดน่าจะคิดถึงเตียงอุ่นๆ ละ ฮาาาา
ถึงยอดดอยปุยเหลียงกับพี่มดดาวน์ฮิลลงไป นีโม่มีปัญหาเรื่องไฟเช่นเดียวกับเรา ตอนนี้มองไปข้างหน้าไม่ชัดลมแรงมาก แรงอากาศเย็นอาการตอนนี้คือเจ็บคอเป็นอย่างมาก รู้สึกได้เลยว่าไม่สบายแน่นอน ดอยปุยโหดร้ายเหลือเกินบรรยากาศน่ากลัวมาก ลมพัดเอาหมอกปลิวมากระทบแว่นจนมัวไปหมด ตอนนี้ต้องค่อยๆ ลองเช็คสภาพนีโม่ตอนนี้คือน้องกลัวทางลื่น มองไม่เห็นข้างหน้าที่อีกอาการคือ ง่วง!!!! หน้าตาเริ่มไม่รับแขกรู้สึกเหมือนนีโม่จะเปิด Auto Pilot งั้นเอานี่ไปอินทผาลัม กัดไปหนึ่งทีไม่ไหว ตาจะปิดละ ดึงโพลมาเก็บไว้แล้วชวนนีโม่วิ่ง เราหนีออกไปจากที่นี่กันเถอะ แล้วก็กระตุ้นให้นีโม่วิ่งลงแบบเบาๆ เพื่อบรรเทาอาการง่วงนอน แล้วก็ได้ผลซะด้วย วิ่งลงไปจนเจอเหลียงกับพี่มดก็หยุดเดินด้วยกัน
ชอบบรรยากาศตอนนั้นมาก เหมือนในเกมส์ Silen Hill, Resident Evel หรือ BioHazard ไม่มีผิดหมดเยอะจนไม่รู้ว่าข้างหน้ามีอะไร จะเจอกับอะไรอีกทำได้อย่างเดียวคือวิ่งหนีเอาตัวรอด ข้างหลังคือหมอก ข้างหน้าไม่รู้ ด้านข้างคือป่า คือดีอ่ะ ตื่นเต้นดี และในที่สุดพวกเราก็เข้าสู่ A9 จนได้
ช่วงระทึก ตื่นเต้น มีทุกอารมณ์
เข้ามา A9 ต้องขอบคุณพี่ก้อย จัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้ ข้าวต้มหมด ไปต้มมาให้ทานซึ้งและดีใจมากข้าวต้มธรรมดาหนึ่งหม้อเล็กๆ ที่ไม่น่าจะพอสำหรับสามคน แต่อิ่มอย่างบอกไม่ถูกเลยครับ พักทานข้าวต้ม จุดนี้จะมีพี่มน ภูมิ สุดยอดทีมซัพพอร์ทที่ฝ่ามาทุกสถาณการณ์ จากจุดนี้เรามีไอเทมคือเจล เอาเสื้อที่เตรียมไว้ออกมาใส่เพิ่มอีกตัว และคิดว่าตัวเองคงไม่ไหวแน่ถ้าอากาศหนาวแบบนี้ และต้องขอบคุณพี่มดอีกครั้งสำหรับเสื้อกันหนาว เพราะพี่มดได้ทำพิธี DNF ตัวเองเรียบร้อยแล้ว
เตรียมของ เตรียมไอเทม วางแผนว่าจะนอน 15 นาทีจะออกตรงนี้ตีหน่ึง ปัญหาเกิดเพราะนอนไม่หลับ ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น เก็บของเราออกจาก A9 กันดีกว่าเพราะไม่มีประโยชน์ถ้าเราจะอยู่แบบไม่หลับ บอกลาทีม Support ออกไปลุยต่อ และเหลียงต้องวิ่งคนเดียวเสียแล้วววว ตอนนี้หลายๆ คนออกจาก A9 กันละ
จาก A9 ไปจนถึง A10 จะเป็นทางลงจากขุนช่างเคี่ยนไปยังสวนยูคาลิปตัส ระยะทางประมาณ 9.20km เราอุ่นใจเพราะเป็นทางลงอย่างเดียวคำนวณ Pace ไว้แต่กังวลอย่างเดียวคือนีโม่จะง่วง ออกจาก A9 เกาะกลุ่มกันไป 4 คนมีพี่นุ๊กกับเหลียงเดินคุยกันไปข้างหน้า ส่วนเราหาวิธีจัดการไม่ให้นีโม่ง่วง เพราะตอนนี้พึ่งออกมาได้แค่ 1km แต่ดูเหมือนจะเปิดโหมด Auto Pilot อีกแล้ว ตอนนี้คงไม่ไหวแล้วเพราะนีโม่เป็น Auto Pilot ไปเรียบร้อยปล่อยให้เหลียงกับพี่นุ๊กไปก่อน ทางวังเวงมาก จนเราต้องหันหลังเป็นระยะ ที่วังเวงก็เพราะเสียงนี่แหละ ไม่รู้เป็นเสียงอะไรแต่เราคิดไว้ก่อนว่ามันคือเสียงนก!!!!
ไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องอื่นใด ตอนนี้จะทำยังไงนีโม่ตอนนี้ไม่มีตอบทางลงเริ่มสะดุด ปล่อยไปแบบนี้มีตกดอยแน่ คำนวณสถานการณ์ Auto Polot แต่ยังไปข้างหน้าได้ ดึงโพลมาจากมือนีโม่เอาคล้องเข้าไปแล้วลากเลย กันตกดอยไว้ก่อน เราก็มองที่ตานีโม่เป็นพักๆ ปิดสนิทเมื่อไหร่มีตบ ฮ่าาาาา ลงไปเรื่อยๆ ด้วยโหมด Auto แล้วก็ต้องสะดุดสะดุ้งตื่นเพราะไปเตะโดนก้อนหิน เห็นนีโม่ตื่นโอเค ล้างหน้าก่อน วางแผนใหม่ ให้นีโม่กัดเจลไปหนึ่งซอง เราวิ่งกันนะโอเค? ไปเลย
วิ่งลงประมาณเพจ 6-7 แบบนี้ได้ผลนีโม่ตื่นขึ้นมาไม่ง่วง วิ่งได้เรื่อยๆ ผ่านทางแยกดอยปุยตอนนี้จะลงไปสู่ A10 ละ วิ่งแซงเหลียงกับพี่นุ๊กได้ยินเสียงกรี๊ด เรากับนีโม่หยุดให้ไปถามเป็นอะไรไหม? พี่นุ๊กตอบกลับมาว่าไม่ใช่เสียงพี่ อ้าววววว? มองหน้านีโม่เราไปต่อ จากนั้นก็ปลิวลงมาเลยทีเดียว
ตอนนี้ทำเวลาได้ดีมากในช่วงนี้ นีโม่เริ่มหนื่อย ตอนนี้ต้องเปลี่ยนแผนใหม่ วิ่ง 300เมตร แล้วเราจะไปช้าๆ แล้วค่อยวิ่งต่อ Interval กันเลยทีเดียว ทางเริ่มลงไปเรื่อยๆ แต่ยังไม่ยักจะเจอ A10 ทางเริ่มเป็นคนกรีตและเริ่มลื่น ตอนนี้นีโม่ไม่เอาด้วยแล้ว เพราะกลัวลื่นบางจุดค่อยๆ เดินลงเพราะเป็นตระใคร่น้ำ ลื่นมาก ไม่มีวิ่งแล้วววว นีโม่เริ่มง่วงอีกครั้ง และเราก็มาถึง A10 จนได้
เนินหรรษา
เข้าสู่ A10 ให้การต้องรับโดย ปรินส์แห่ง DoctorSport และแจ็คกี้พร้อมกาแฟหอมๆ นีโม่โดนเรียกให้ไปเขียนเลข BIB ตัวเอง ตอนนี้ยังก็ต้องให้นอนกัน Auto Pilot ทำงาน ล้มตัวนอนพร้อมนักวิ่งท่านอื่น แต่เรานอนไม่หลับเลย คุยกับนีโม่เราจะนอน 20 นาทีแล้วเราจะไปต่อ แต่เรานอนไม่หลับอีกแล้ว กดโทรศัพท์เล่นจนครบ 20นาทีปลุกนีโม่ตื่น นีโม่ไปเสพกาแฟ เราจัดแจงของเตรียมออกจาก A10 จากนี้ตรงสู่ W2 แต่ แต่ แต่ ดูกราฟแล้ว ใจอ่อนในทันที แต่ใจชื้นขึ้นมาหน่อยตรงที่ว่าอีกแค่ 15km เองจะถึงเส้นชัยแล้ววววว
ออกจาก A10 ช่วงนี้เป็นทางลงยาวๆ มาเรื่อยๆ ยังไม่มีปัญหาอะไรค่อยๆ เดินไปเพราะเป็นหินมาจนกระทั่งถึงลำธารที่ยังไงต้องลงน้ำ มีนักวิ่งหลายท่านพักผ่อนตรงนี้กับน้ำเย็นๆ พอจะช่วยให้ไม่ง่วงได้บ้าง เหลียงยังล้างเท้าพักผ่อนอยู่ตรงนั้นสักพักก็ออกไป เราก็นีโม่ถอดรองเท้าถุงเท้าลุยน้ำไปเลย พักสักแป๊บใส่ถุงเท้ารองเท้าไปกันต่อพร้อมไต่กันหรือยัง
เจอทางขึ้นแบบนี้ Pacer อย่างผมถึงกับออกอาการเลยทีเดียววิธีกำจัดความกดดัน ความเครียดของผมอีกแบบหนึ่งคือการบ่น ขอให้ผมได้บ่นเรื่องอะไรก็บ่นไปจะทำให้ผมสบายใจขึ้น แต่ไม่หยุดนะแค่บ่นเพื่อระบายคลายความกดดันกันไป ตอนนี้นีโม่คงจะใจแป้วไปหมด เพราะตอนนั้นผมบ่นเยอะมากๆ บ่นจนนีโม่ต้องพูดว่า “มาเป็นเพซเซอร์ลำบากเลยอ่ะ” และด้วยการบ่นนี้เองความเกรงใจจึงบังเกิดเราจะไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่มีหยุด พอได้ไปได้ยาวๆ ส่องดูริบบิ้น มันก็ยังอยู่ข้างบนเหมือนเดิม T-T บ่นกันต่อไป
แผนต่อไปของนีโม่คือนับก้าว พยายามหาอะไรเล่นไม่ให้น่าเบื่อ ทั้งถอยหลังขึ้น ไปจนกระทั่งเปลี่ยนกันนับก้าว เราจะไต่ 50 ก้าวแล้วพักสลับกันไปเรื่อยๆ ตอนนี้งัดทุกกลยุทธเพื่อให้ผ่านตรงนี้ไปให้ได้ ดีใจขึ้นมาแทบกระโดนโลดเต้น เมื่อเห็นไฟของเจ้าหน้าที่ จ้ำขึ้นไปเลยรู้อีกทีนีโม่ยังอยู่ข้างล่าง เจ้าหน้าบอกเก่งมากขึ้นไปอีกประมาณ 1km จะเจอเจ้าหน้าที่อีกชุดแล้วจะเป็นทางลงเข้าสู่สวนพฤษศาสตร์ละ
แววตาแห่งความหวังลุกโชน นี่เราใกล้จะจบแล้วเหรอเนี่ยอีกนิดเดียวๆ อยากกลับบ้านแล้วววววว แล้วก็ไต่ไปด้วยความหวังจนบางช่วงนีโม่ต้องบอก พักก่อนได้ไหม 1 กิโลที่โคตรนาน นี่เราโดนหลอก? เริ่มบ่นอีกรอบหลอกกันได้หลอกกันดี บ่นไปไต่ไปจนเจอเจ้าหน้าที่กลุ่มที่สอง ให้นีโม่นั่งพัก ให้กิน Energy Bar ก่อนสักครู่เดี๋ยวจะได้ไต่เนินกันต่อ กัดเจลหนึ่งซอง จากนั้นไปต่อ
แสงแรกแห่งวันใหม่มาแล้วคิดในใจนี่เราวิ่งกันข้ามวันข้ามคืนเลยเหรอ ช่วงเวลาที่แสนยาวนาน เมื่อไหร่จะจบสักที และแล้วเราก็ผ่านเนินหรรษามาจนได้
เนินหรรษาภาค 2 แล้วทุกอย่างจะจบลง สิ้นเนินหรรษา ถ้าดูในกราฟเราจะลงแล้ววววววว เดินตามถนนไม่ต้องใช้ไฟแล้วแยกลงไปสู่สวนพฤกษศาสตร์ ถามนีโม่ไหนๆ ก็ช่วงสุดท้ายแล้ว มีแรงเหลือไหม? นีโม่ตอบมาแบบไม่คิด “ไม่มี” แดดเริ่มมาหากปล่อยไว้อย่างนี้เจอแดดมีหวังเพลีย ใช้แผนบ่นๆๆๆๆ แล้วก็หลอกนีโม่ “ถ้างั้น Powerwalk” เริ่มเดินเร็วและในที่สุดก็วิ่ง จนนีโม่ต้องวิ่งตาม พลังแห่งเจลมาแล้วช่วงสุดท้ายตัดเข้าคอนกรีต สีหน้านีโม่ตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด คงเพราะอีกไม่นานเขาจะเป็นผู้หญิงอีกคนที่พิชิตเทรล 100km!!!
ตอนนี้วิ่งกันลงมาเรื่อยๆ เห้ยๆ อ้อมเส้นชัยแล้วนี่มันทางลงไปทางเข้าสวนฯ เลยนะหรือว่า … ขนาดขับรถขึ้นมายังชันนี่เรายังไม่หมดเวรหมดกรรมกับเนินพวกนี่อีกเหรอเนี่ยยยยยย จากวิ่งอย่างมีความหวังเป็นเดินอย่างหดหู่ 555 เหลียงเดินข้างหน้าเหมือนกับหุ่นยนต์ที่แบตเตอรี่เหลือน้อยลงไปทุกที เหมื่อนโทรศัพท์ Nokia 3310 แบตขีดสุดท้ายแต่กด *3370# แล้วได้แบตเพิ่มอีกขีด
ปล่อยนีโม่เดินขึ้นเนินเราแอบไปกดดันเหลียงข้างๆ แต่เหลียงคงไม่ไหวละไม่เล่นด้วยฮาาา หันมามองนีโม่อุ๋ยยย ข้างล่างนู่นเลย เลยลงไปเดินด้วยปล่อยให้เหลียงใช่แบตเฮือกสุดท้ายไปก่อน ช่วงนี้หลายๆคนขับรถสวนลงไปกันแล้ว ทุกคนกลับบ้านและตะโกนให้กำลังใจกันเรื่อยๆ อาร์มโนโบกไม้โบกมือพึ่งมารู้ทีหลังว่านอนในรถรอเลยทีเดียว สงสัยตอนนี้ดีใจที่เจ้าสาวปลอดภัยฮาาาาา เสียงพี่หนำประกาศต้อนรับนักวิ่ง 100km พร้อม Pacer เดินขึ้นบรรไดไปหาพี่หนำ ทันทีที่ก้าวผ่านเส้น
“ภารกิจของผมได้สิ้นสุดลงแล้ว”
บทสรุปแห่งภารกิจ
ขอบคุณผู้จัด PongYang Trail กับการทุ่มเทของทีมงาน เส้นทางที่ใส่ใจต่อนักวิ่ง เก็บทุกรายละเอียดจริงๆ ชาวบ้านที่เป็นมิตรกับนักวิ่งทุกคน คอยช่วยเหลือถามไถ่ตลอดเวลา มิตรภาพที่ได้จากสนามนี้แม้จะเป็นแค่ Pacer แต่ก็ได้อะไรเยอะแยะมากมาย ขอบคุณน้องนีโม่ไม่รู้ว่าคิดถูกไหมที่ให้มาเป็น Pacer
Pacer ทำเท่าที่ทำได้ตั้งใจไว้ว่าจะไปส่งนีโม่จนจบให้เป็น 100km Finisher ถึงแม้จะไปเหมือนที่คาดไว้ 5555 แต่ก็ภารกิจสำเร็จไปด้วยดี ไม่รู้จะขอบคุณอะไรใครอีกแล้วเยอะแยะมากมาย เอาเป็นว่าขอบคุณสำหรับงานดีๆ งานนี้โป่งแยงเทรลตามรอยเท้าพ่อ
ปีหน้าจะเป็นนักวิ่งบ้างงงง หา Pacer ด่วนนนนน
ขอบคุณภาพสวยๆ จาก https://www.facebook.com/PYT.run/ นะครับ
Comments