Columbia Master Trail XI
Summary
วิ่งอัลตร้าเทรล (ระยะที่มากว่ามาราธอน) คือระยะที่นักวิ่งที่เคยวิ่งจบมาราธอนส่วนใหญ่ปราถนาที่จะจบให้ได้ ไม่ว่าจะเป็น 50km, 100km หรือมากกว่านั้นแล้วแต่เป้าหมายของแต่ละคน ซึ่งผมเองก็เช่นกันเมื่อจบมาราธอนแล้วระยะที่ผมอยากจะทำให้ได้นั่นก็คือ 100km แต่ก่อนที่จะไปถึงตรงนั้น จำเป็นต้องผ่าน 50km ให้ได้ซะก่อน และผมก็เลือก Columbia Master Trail สนามนี้เป็นอัลตร้าแรกของตัวผม
Columbia Master Tail สนามนี้เป็น Episode 11 แล้วนะครับแต่นี่เป็นครั้งของผมที่วิ่งในรายการนี้ จัดที่อำเภอหนองใหญ่จังหวัดชลบุรี ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบางกอก แต่ไกลจากเชียงใหม่ซึ่งผมขับรถไป และด้วยการที่ AMA Event คือผู้จัดก็เตรียมใจไว้แล้วว่างานนี้ต้องออกมาดีในระดับหนึ่งอย่างแน่นอน
สนามเทรลที่สองของผมหลังจากเขาประทับช้างเมื่อเดือนที่ผ่านมาซึ่งใช้เป็นสนามซ้อมเพื่อมายังสนามนี้แต่สนามที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นสักเท่าไหร่แต่ก็สนุกดี และสนามนี้จึงไม่กังวลและมั่นใจว่าจบแน่นอน พร้อมทั้งเป้าหมายของผม Top 100 ให้ได้ในใจก็หวั่นๆ เพราะว่าสนามนี้รวมอีลิทเลยก็ว่าได้ครับ
วันรับ BIB
เดินทางมาถึงที่หนองใหญ่พร้อมกับทีมเดอะแก๊ง รู้สึกได้เลยว่าการขับรถเพื่อมาแข่งวิ่งแบบนี้ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง ความอ่อนเพลียและความง่วงเป็นตัวฉุดร่างกายและพลังของตัวเอง (ผิดพลาดข้อที่ 1) ผมได้รับ BIB เรียบร้อยแล้วก่อนเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงเองเกือบไม่ทันน่ะสิครับไม่รู้ว่าไปรษณีย์ไทยชอบดองพัสดุไว้ที่ลำพูน 1 คืนแย่จังเกือบไม่ทัน
สิ่งแรกที่ผมต้องทำคือเปลี่ยนชื่อ และรายละเอียดของ BIB ครับ BIB นี้ผมได้มาจากพี่ Eric ของทีม ประหยัดรันนิ่ง พร้อมกับเสื้อเบอร์ 2XL ซึ่งเป็นไซต์ของพี่ Eric ลองใส่ดูเหมือน HipHop เลย การจัดงานของ AMA นั้นดีตรงที่ว่าเราสามารถเปลี่ยนรายละเอียดได้ครับ ผมก็จัดแจงเปลี่ยนชื่ออะไรต่างๆ ที่เกี่ยวของกับเลข BIB นี้พร้อมทั้งรอเปลี่ยนเสื้อในวันรุ่งขึ้น เปลี่ยนได้ทุกอย่างจริงๆ
ที่งานมีของกิน และบู๊ทขายของมากมายเลือกซื้อเลือกหาในราคาพิเศษกันตามสบายส่วนผมอุปกรณ์ทุกอย่างเตรียมไว้หมดแล้วก่อนวันแข่งเหลือแค่ถุงเท้าคู่เดียวที่มาซื้อในงานคือถุงเท้า DryMax
ที่เหลือก็ไปจัดการเรื่องห้องพักที่จองไว้กับเดอะแก๊งใกล้ๆงาน และทำธุระส่วนตัวต่างๆ ก่อนที่จะพักผ่อนจัดแจงเตรียมอุปกรณ์ที่ใช้ในการแข่งขัน และกำหนดนัดแนะกับทีมเรื่องเวลาที่จะไปสนามรวมถึงเวลากลับ
วางแผนการวิ่ง
ช่วงก่อนวันวิ่งประมาณสองสามวันเป็นช่วงที่ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะวางแผนการวิ่งยังไงดี ตอนนี้ที่มีอยู่ในมือคือกราฟความชันและแผนที่ของเส้นทางวิ่ง และต้องขอบคุณสมาชิกในกลุ่ม Ultra & Trail Runners ที่แบ่งปันไฟล์ Excel เพื่อเอาไว้คำนวณเวลาและ ระยะทางระหว่างจุดให้น้ำและความชัน
หากดูตามแผนที่ด้านบนจะมีจุดบริการน้ำดื่มทั้งหมดอยู่ 9 จุดแต่จุดที่สำคัญ 2 จุดคือ WS7 และ WS8 ครับเพราะสองจุดนี้เป็นจุด cut off ถ้าไปไม่ถึงตามเวลาที่กำหนดจะถูกให้ออกจากการแข่งขันหรือ DNF นั่นเองครับ แต่เท่าที่ดูกราฟความชันและระยะทางผมประมาณตัวเองได้ว่าทันแน่นอนครับ
ทีนี้ก็มาคำนวณเส้นทางวิ่งและประมาณความเร็วและเวลาโดยใช้การวิ่งที่ผ่านมาเป็นตัววัดกันครับ เนื่องจากเราไม่ได้ไปลองสนามจริงทุกอย่างจะเป็นการประเมิณตนเองจากการวิ่งที่ผ่านมา ช่วงแรกมั่นใจเก็บ Pace 5 ได้แน่นอนเพราะไม่ค่อยชันเท่าไหร่สามารถวิ่งได้สบายๆ แน่นอน ส่วนช่วงที่เหลือผมประเมิณตนเองจากระดับความและความสามารถในการวิ่งของตนเองโดยใช้ความชันของเส้นทางดอยสุเทพ(เทรล)เข้ามาเทียบ แล้วก็ได้เวลาออกมาตามที่เห็นในภาพซึ่งเวลารวมประมาณ 476.1 นาที หากนับเป็นชั่วโมงก็ประมาณ 7:56 ชั่วโมง สุดท้ายแล้วผมอ่านและก็วางไปเพราะคิดว่าคงทำได้ตามนี้ยากเนื่องจากฝนตกหนักมาก
เตรียมอุปกรณ์ Gear Check!
ผมวางแผนและเตรียมสิ่งที่จะต้องเอาไปด้วยกับการวิ่งตั้งแต่เนิ่นๆ เลยทีเดียวไม่อยากจัดหาช่วงวันสุดท้ายให้วุ่นวายเพราะต้องไปทำงานและตีรถไปกทม.ตอนบ่ายวันศุกร์ของที่เตรียมไปก่อนก็จะมี Saltstick อันนี้หาซื้อยากหน่อยผมได้มาเป็นแบบแคปซูล แบบเม็ดอมจะหายากหน่อยแต่ส่วนใหญ่เราสามารถไปซื้อที่หน้างานได้ แต่ผมไม่อยากไปหวังเอาน้ำบ่อหน้าจัดไปก่อนเลย 6 แคปซูล คำนวณไว้ว่าจะกินทุกๆ 10 กิโลเมตรก็จะอยู่ที่ประมาณ 5 แคปซูลแต่เผื่อเหลือเผื่อขาด 1 แคปซูล
เจลผมเลือกใช้ของไทยยี่ห้อ Dever ยังไม่เคยใช้ยี่ห้อนี้แต่อยากลองเอาไป 5 ซองและคำนวณไว้ว่ากินทุกๆ 10 กิโลเมตรเช่นกัน และก็จะมีเป้นำ้ถุงประจำของผม ถุงเท้าเลือกใช้ DryMax จำนวน 2 คู่แพลนเอาไว้ว่าจะเปลี่ยนตอนกิโลเมตรที่ 25
ก่อนวันแข่งมีสิ่งที่เพิ่มเข้ามาอีกหลายอย่าง(ความพิดพลาดข้อที่ 2) ซึ่งไม่สมควรเลยที่จะเพิ่มสิ่งที่เอาไปด้วยสิ่งที่ผมเอาติดตัวไปแต่ไม่ได้ใช้และคิดไว้ก่อนแล้วว่าไม่จำเป็นแน่นอนแต่ก็ยังเอาไปคือ เสื้อกันฝนกะจะเอาไปใส่ตอนฝนตก(คิดอะไรอยู่) ไม่รู้ว่าอะไรมาสะกิดให้ไปซื้อเสื้อกันฝนที่ 7-11 แล้วเอาติดตัวไปด้วยแต่ยังดีที่ไม่ตก กระดาษทิชชู่เปียก อันนี้สำหรับหลายๆคนอาจจะมีประโยชน์กรณีปวดตอนวิ่ง แต่ระบบขับถ่ายผมเป็นปรกติและไม่เคยมีปัญหาสรุปเอาไปแบบไม่มีประโยชน์
ทั้งหมดคือสิ่งที่ผมเอาติดตัวและครั้งต่อไปจะไม่เยอะแบบนี้อีกแล้ว
สภาพสนามและเริ่มวิ่ง!!!
ไม่เคยลองสนามจริง ไม่รู้สภาพภูมิศาสตร์ของพื้นที่เท่าที่มีก่อนแข่งคือกราฟความชัน และภาพที่เห็นจากเพจของ AMA เท่านั้นครับแต่พอตอนตีสองฝนหระหน่ำแบบบ้าระห่ำในใจติดไว้ว่า “เละแน่นอน”
สนามช่วงแรกยังเห็นเป็นคอนกรีตยาวๆ ตอนนี้นักวิ่งทุกคนยังไม่รู้ชะตากรรมตัวเองว่าจะต้องเจอกับอะไรข้างหน้าเดาไม่ออกรู้แต่เพียงว่าเละแน่นอน พอสิ้นเสียงปล่อยตัวก็ลั่นล้าวิ่งกันออกไปยังกะแข่งวิ่งถนน Pace 3 – 4 – 5 ก็ว่ากันไปและทันทีที่เห็นลูกศรเลี้ยวซ้ายแรกเข้าป่าสวนปาล์มยังกระดี้กระด้ากันอยู่ ผมเองก็คิดในใจว่ามันไม่ได้เละอย่างที่คิดแฮะ
ทางช่วงแรกก็เป็นหญ้ากับโคลนเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้แย่มากมายอะไรวิ่งกันไปเรื่อย ตอนนี้ทุกคนยังเกาะ Pace 4-5 กันต่อไป พอหมดสวนปาล์มตอนนี้ก็กลายเป็นทางขึ้นแล้วครับหากลองดูตามแผนที่ความชันจะมีทางขึ้นเล็กๆ ไม่ถึงกับมาก แต่ที่สร้างความแปลกใจให้กับทุกคนคือมันมีโคลนครับ
ช่วงนี้พยามยามจิกเท้ากันขึ้นไปนึกว่าจะง่าย ที่ไหนได้ลื่นสิครับบางคนก็ล้ม บางคนก็ไถลลงมากันเลยที่เดียว พระเอกของงานนี้กลายเป็นรองเท้าของผมเอง Salomon ด้วยความที่มีปุ่มตรงพื้นรองเท้าเรื่องเกาะนี่ไม่ต้องพูดถึงครับ วิ่งขึ้นได้สบายๆ หลายครั้งที่จอดช่วยคนอื่นด้วยรู้สึกว่าเลือกรองเท้าถูกสนาม
หมดช่วงดินเหนียวเข้าสู่ WS1 พักกินน้ำสักแป๊บแล้วก็วิ่งต่อไป ที่นี้เริ่มเป็นทางขึ้นมากกว่าเดิมแล้วครับ ทางขึ้นที่มาพร้อมๆกับโคลนและแอ่งน้ำ หลายๆคนเริ่มช้าลงทำให้ผมมีโอกาสแซงขึ้นไปเรื่อยๆ ตอนนี้แผนของผมคือพยายามเดินเร็วในช่วงที่ขึ้นเนิน รักษา Pace ให้ได้ไม่เกิน 15 เพราะผมไม่รู้ว่าทางช้างหน้านั้นจะเป็นอย่างไร
เริ่มเป็นทางเข้าในป่าลึกวิ่งเรียบสันเขาตรงจังหวะนี้ทางด้านขวาจะมีหมอก หรือเมฆฝน น่าจะเป็นเมฆฝนมากกว่า อากาศเย็นพอสมควรทางขึ้นเริ่มลดลง ทำความเร็วได้ดีขึ้นช่วงนี้ยาวประมาณ 2 กิโลเมตร
เริ่มขึ้นมาบนยอดเขาลูกแรกทางต่อไปเป็นการวิ่งเรียบเนินไปเรื่อยๆ ช่วงนี้เป็นหญ้าสูงวิ่งเลาะหญ้าไปเรื่อยตอนนี้รองเท้าผมเริ่มเปียกจนรู้สึกได้ สิ่งนี้คือสิ่งที่ผมไม่อยากให้มันเกิด และพยายามหาวิธีป้องกันตลอดเวลา ถุงเท้า DryMax ช่วยได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น
ข้าป่าอีกครั้งคราวนี้เป็นทางขึ้นเนินลงเนินเป็นทางที่รถยนต์สามารถวิ่งเข้ามาได้มีแอ่งน้ำเรื่อยๆ เหมือนเดิมสิ่งที่แย่ตอนนี้ข้อเท้าขวาผมเริ่มเจ็บนิดๆ ภาวนาไม่ให้เจ็บมากเกินไปกว่านี้ ตอนนี้ทางขึ้นผมยังคงเดินเหมือนเดิม ส่วนทางลงและทางเรียบก็ค่อยวิ่งเอา
รองเท้าเปียก
มาถึง WS3 ช่วงระหว่าง WS2 – 3 ห่างกันประมาณ 7 กิโลเมตรตรงนี้ผมคิดว่าจะมีแตงโมหรือกล้วยเอาไว้ให้กินดับกระหาย ปรากฏว่าไม่มียังแต่เจลแจกให้นักวิ่งตอนนี้ใครซื้อเจลคงเสียดายตังน่าดูหยิบเจลมาหนึ่งซองนั่งลงถอดรองเท้า และถุงเท้า พยายามบิดเอาน้ำออกจากถุงเท้า ด้วยความที่ DryMax ไม่อมน้ำพยายามบิดเท่าไหร่ก็ไม่มีน้ำ ผมก็แปลกใจใส่รองเท้าแล้ววิ่งต่อไป
วิ่งออกมาได้สักพักน้ำในรองเท้ามีอีกแล้วคราวนี้แปลกใจยิ่งกว่าเดิมเพราะบิดถุงเท้าแล้วน้ำมาจากไหน? ใช่ครับมันมาจากในรองเท้านั่นเอง รองเท้าเก็บน้ำดีเยี่ยมเลยครับ เอาน้ำออกจากรองเท้าไม่ได้เลย T-T ก็คงต้องจำใจวิ่งไปแบบนี้ เท่านั้นยังไม่พออาการเจ็บนิ้วเท้าเนื่องจากรองเท้าบีบอาการนี้ผมคิดไว้ว่ามันต้องเกิดขึ้น แล้วมันก็เกิดขึ้นมาจริงๆ ความซวยก็เริ่มมาเยือนเลยครับ
ตอนนี้ทำได้อย่างเดียวคือหากเป็นทางวิ่งลงต้อพยายามไม่เร็วและเก็บนิ้วเท้า ตรงนี้เป็นส่วนที่ทำให้ความเร็วเราช้าลง วิ่งด้วยความกังวลตลอดทาง และยังคงวิ่งในที่แฉะไปเรื่อยๆ
ทางตัดเป็นขึ้นอีกรอบคราวนี้ผ่าน WS5 ไปสักแป๊บก็จะเป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ตรงนี้ต้องยอมรับว่าสวยจริงๆ สวยมากด้วยครับ (ลองดู Video ด้านล่าง) ยาวประมาณ 1 กิโลเมตรกว่าๆ วิ่งสนุกครับตรงนี้แต่หากรองเท้าไม่เปียกหรือเจ็บเท้าจะสนุกและฟินกว่านี้เยอะ
สุดทางทุ่งหญ้าจะตัดเป็นทางขึ้นแบบยาวทันทีครับตรงนี้ขึ้นานมากกก ไกลด้วยเดินไปตลอดครับมีช่วงหนึ่งที่เป็นทางเรียบพอวิ่งได้บ้างก็แค่ประมาณสั้นๆ เท่านั้นเอง หมดทางขึ้นก็จะตามถนนเข้าไปในป่าครับสักพักไปเจอรถของเจ้าหน้าป่าไม้จอดขวางทางอยู่ ทีนี้เราก็งงจะวิ่งไปทางไหนล่ะ? พอเห็นลูกศรชี้ไปทางด้านขวาเท่านั้นแหละครับ !!!
ลานหิน จุดพีคสุดของสนามนี้
คราวนี้เจอทางชันที่เรียกว่าชันที่สุดของสนามนี้เลยก็ว่าได้ครับถ้าเทียบกับทางซ้อมที่เชียงใหม่ก็จะประมาณเทรลช่วงที่สองก่อนเจอโค้งขุนกันฑ์ แต่เดี๋ยว มันไม่ใช่แค่ไต่หรือวิ่งขึ้นไปนะสิ มันลื่นสถาพคือดินเหนียวเละๆ ซึ่งมีแต่รอยรองเท้าที่ลื่นกันไปมาเพราะ 25k ได้ผ่านจุดนี้ไปแล้วความเละจึงบังเกิด ด้วยอานุภาพของ Salomon Speedcross จึงพาตัวเองขึ้นไปข้างบนอย่างชิวๆ ไม่มีลื่น
พี่เจ้าหน้าที่นั่งรออยู่ข้างบนบอกว่า “รองเท้านี่ดีเนาะซื้อมาเท่าไหร่ “ ไอ้เราก็บอกราคาให้ ปลายทางตอบมาว่า “ซื้อรองเท้ามาก็แพงแล้วยังมาเหนื่อยอีกเนาะ” แหม่ ไม่รู้ว่าเขาชมหรือด่า!
ผ่านทางชันเลาะป่าขึ้นไปอีกนิดก็จะเจอลานหินน่าจะเป็นจุดสูงสุดของสนามนี้แล้ว นักวิ่งบางส่วนกำลังถ่ายรูปวิวกันอย่างสนุกสนาน มีบางส่วนปฐมพยาบาลเพราะตรงนี้เป็นจุดที่มีเจ้าหน้าที่อยู่ด้วย ผมใช้เวลาไม่นานที่ตรงนี้เพราะหิวข้าววววววว
ลงแบบเอียงๆ
จากลานหินอันสวยงามและน่าหวาดเสียวตอนนี้ก็จะเข้าสู่ทางลงอย่างเป็นทางการ แต่…. มันไม่ได้ง่ายอย่างที่ผมคิดเอาไว้เลย ทางลงช่วงนี้เป็นดินเหนียวนุ่มน่าจะโอเคใช่ใหม? ไม่ครับ มันลงแบบเอียงๆ ครับ การวางเท้ายากลำบากมากหลายๆ คนลื่นแต่ผมไม่ลื่นเพราะรองเท้ามีดอกเกาะแต่ตรงนี้เสี่ยงข้อเท้าพลิกมากครับ ไม่สามารถวิ่งลง หรือลงแบบที่เคยทำได้เลย T-T กลัวตัวเองเองเจ็บที่สุดสักพักก็เริ่มมีอาการจริงๆ แต่ไม่มาก สนามนี้มีทุกรสชาติจริงๆ
สวนปาล์ม สวนยาง และตีนเปล่า
เมื่อผ่านทางลงมาก็เจอกับ WS8 ครับตรงนี้เป็นจุด Cut off ด้วยแต่อีกนานด้วยความหิวผมกินขนมปังโฮมมี่เยอะมาก ตรงจุดนี้มีพี่จาก Snail Gang อยู่กันกลุ่มหนึ่งทักทายล้อเล่นกันผมเริ่มไม่ค่อยสนุกกับรองเท้าผมแล้วและตอนนี้เหลืออีกประมาณเกือบ 10km สุดท้าย
ตัดสินใจถอดเกิบครับ
ใช่ครับฟังไม่ผิด ถอดรองเท้าครับ ตอนนี้ผมไม่สนแล้วว่าถนนข้างหน้าเป็นอย่างไร ความรู้สึกแรกที่ปลดถุงเท้าออกจากเท้า อาาาาาห์ ช่างมีความสุขเหมือนคืนชีวิตใหม่ให้เท้า เหมือนขี้เสร็จใหม่ๆ สุขไหนจะเท่า ทุกคนเริ่มหันมามองผมไม่สนใจวิ่งออกจาก WS8 ทันที
วิ่งบนถนนคอนกรีตนิดนึงแล้วเขาสวนยาง กับสวนปาล์มสลับกับดินในสวนก็เป็นใจให้อย่างมาก ไม่แข็งไม่มีหิน ไม่มีหนาม ผมสามารถกด Pace 6 ได้อย่างชิวๆ มีนักวิ่งเดินชมสวน ทอดน่องกันตรงนี้จำนวนมากพอสมควร ข้ามลำธารที่เด็กกำลังหาหินมากั้นน้ำ จับมือกับเด็กแล้วไปต่อ
WS9 แล้วก่อนเข้าเส้นใช้ล้างเท้าเอาโคลนออก ตอนนี้เริ่มติดใจในการวิ่งตีนเปล่าซะแล้ว ไม่พักครับดื่มน้ำแล้วไปต่อ ถนนวนสวนยางไปมาๆ จนมาโผล่ที่ถนนคอนกรีตสลับดินแข็ง นรกมาแล้วครับความรู้สึกเจ็บเท้ามาทันที พี่เจ้าที่มอเตอร์ครอสถึงกับต้องเอารถมาจอดถามอาการ แต่ผมยังไหวครับ ไม่แนะนำวิ่งตีนเปล่าบนถนนครับทรมาน
เลี้ยวเข้าทางดินอีกครั้งโล่งไปจนมาโผล่อีกห้าร้อมเมตรสุดท้ายแต่เป็นคอนกรีตแม่เจ้า เจ็บตีนสิครับเจอพี่สัญญาเดินสวนมายกมือไหว้เอามือที่ถือรองเท้าเช็ดกางเกงเอาดินที่ติดมือออก แตะมือกับพี่สัญญาพร้อมถามว่าพี่เข้าที่เท่าไหร่ลุ้นให้ชนะแฮรี่ พี่สัญญาให้กำลังใจ วิ่งต่อดูนาฬิกาอีก 8 นาทีจะ 8 ชั่วโมงต้องรีบแล้ว
เห็นเส้นชัยแล้วตอนนี้ผมไม่สนอะไรทั้งนั้นแม้แต่กล้อง ความเจ็บตีนหายไปไหนไม่รู้ละ แพลนผมคือจบก่อนแปดชั่วโมงกด Pace 4 ด้วยตีนเปล่าพร้อมพลังสุดท้าย แซงได้สองคนพร้อมกับเข้าเส้นชัยพร้อมกับเสียงคนที่ยืนข้างสนาม “ตีนเปล่าเลยเหรอสุดยอด” ผมไม่อยากจะตีนเปล่าาครับบบบ สถานการณ์จำเป็น แต่มันก็แลกมาด้วยความระบมเท้าหลังจากเข้าเส้นชัย
ตีนเปล่า อย่าทำเลยครับถ้าไม่จำเป็น มันทรมานมากครับ
~ 07:58:02 ~ vdo
คำถามในสนามที่ต้องต่อสู้ด้วยหัวใจ
สำเร็จแล้ว 50km ตามเป้าหมาย(แต่ควรจะดีกว่านี้) อัลตร้าแรกที่จบมาด้วยคำถามด้านลบของตัวเองตลอดทาง คำถามที่คอยบั่นทอนผมพยายามเอาชนะมันมาตลอดทาง จนผมทำได้ เชื่อไหมครับพอเข้าเส้นชัยคำถามเหล่านั้นหายไปทันที
ความที่ผมไม่คิดว่าวันนั้นมันเกิดขึ้นมาเลย
เราคงไป 100km ไม่ได้หรอกขนาด 50km ยังเหนื่อยขนาดนี้ เลิกวิ่ง เลิกคิดเถอะทรมานเปล่าๆ
ผมต่อสู้กับความคิด และคำถามเหล่านี้เยอะมาก ตลอดทางแต่ผมก็เอาชนะมันได้ ครับอัลตร้าแรกที่ผมทำได้ 8 เดือนที่ผมเริ่มวิ่งจนในที่สุดผมจบ 50km จนได้
“ครับผมจะวิ่ง 100km เดือนธันวาคมนี้ครับ”
ความผิดพลาด และบทเรียนในสนามนี้
สนามนี้อัลตร้าแรกหลายๆ อย่างที่ผมได้เรียนรู้เข้าใจ และยิ่งรู้ไปมากกว่าเดิมว่าอะไรที่ผมขาด อะไรที่ผมเกิน อะไรที่ควร และไม่ควร สนามหน้าจะต้องดีกว่านี้
- เป้น้ำ ผมใช้เป้น้ำ 2 ลิตรใส่น้ำไปเต็มหนักพอสมควรแต่…..ผมเอาไปเพื่อ??? ผมต้องแบกน้ำสองลิตรเพื่อไปกินน้ำที่เขาแจก กว่าจะรู้ตัวก็จะเข้าเส้นละ ต่อไปผมจะแข่งโดยไม่มีเป้น้ำ (ขึ้นอยู่กับระยะห่างจุดให้น้ำ) จะใช้เพื่อซ้อมเท่านั้น
- สัมภาระ แบกของที่ไม่จำเป็นเยอะเกินไป แย่มากคิดแต่สนุกตอนเอาไปแต่พอวิ่งรู้สึกว่าเปล่าประโยชน์
- รองเท้า เลือกรองเท้าผิด ชีวิตเปลี่ยนต้องหารองเท้าแข่งใหม่การแข่งระยะยาวรู้สึกว่าเท้าจะเร่ิมกว้างขึ้นเรื่อยๆทำให้เกิดรองเท้าบีบหน้าเท้า คราวหน้า Altra แน่นอน
- เหงื่อที่ลงไปในรองเท้า เป็นคนเหงื่อมาก มักจะไหลลงรองเท้าต้องหาวิธีแก้
- ของกิน หากเป็นการวิ่งเทรลแบบยาว ผมจะไม่หวังของกินจากผู้จัดอีกต่อไป
ขอบคุณผู้ร่วมชะตากรรมทุกท่าน
- พี่มน ที่คอยจ่มทุกอย่างทุกเรื่องคราวหน้าไปกับพี่มนเอาที่อุดหูไปด้วย - ขอบคุณสำหรับ BIB และเรื่องการสมัคร
- พี่มด แลกเปลี่ยนเรื่องราวการวิ่งด้วยกันสร้างเสียงหัวเราะ
- เหลียง ยังคงมีความดีด และสร้างความฮาอยู่เสมอ
- น้องนีโม่ สาวน้อยผู้แข็งแกร่งกับการให้กำลังใจ
- พี่สัญญา กับแรงบัลดาลใจ
- รัชชี่ กับปฏิบัติการตามหาแฝดพี่
- Snaill Gang กับมิตรภาพดีๆ
- กลุ่มเราเต่ารันนิ่ง กับมิตรภาพและกำลังใจเสมอมา
- Buzzwoo! Asia สำหรับเสื้อสวยๆ และการสนับสนุนการวิ่งเสมอมา
- ขอบคุณทีม Buzzwoo! Active ทุก 1km เราบริจาค 10 บาทให้กับเด็กกำพร้า และสุนัขจรจัด ผมบริจาคไปเยอะแล้วเย้ๆ buzzwoo.de/active
Strava : strava.com/activities/635904786
เจอกันอีกที Panoramic 100km ครับ
Comments