มาราธอนแรก 42.195 km

มาราธอนแรก 42.195 km

ในที่สุดผมก็ผ่านมันมาจนได้กับมาราธอนแรกของผม มีเรื่องราวที่น่าจดจำมากมายบนสนามแข่งขัน มิตรภาพ ความเจ็บปวด ความอ่อนล้า ความแข็งแกร่ง ที่เอาชนะตนเองมาได้ ลากตัวเองเข้าเส้นเส้นตามเวลาที่ก่อนเวลาที่คิดไว้คือภายใน 5:00 ได้รับรู้ถึงบรรยากาศของมาราธอน บรรยากาศของผู้คนที่ออกมาเชียร์สุดยอดมากครับ

งานมหาวิทยาลัยเชียงใหม่มาราธอน ปีนี้จัดเป็นครั้งแรก และเป็นมาราธอนแรกของผมด้วย ก็ต้องมีตื่นเต้นกันบ้างแหละครับ เกิดมาไม่เคยวิ่งไกลขนาดนี้ ไกลสุดก็ 27.7km นั่นแหละครับ มาพร้อมความเกรงๆ แต่หัวใจสู้ไม่ถอย

เตรียมตัวก่อนวันวิ่ง

นนี้วันโหลดแป้ง ต้องใช้ร่างกายให้น้อยที่สุดเพื่อเก็บแรง อันนี้อ่านมา แต่เห็นนักวิ่งที่มืออาชีพจริงๆ เขาก็ยังวิ่งอยู่นะ วันนี้ต้องเตรียมของที่จะใช้ให้ครบก่อนที่จะเข้านอนช่วง 6:00pm Power Gel มีแล้วเตรียมไป 4 รองเท้า เสื้อ กางเกง ที่ต้องหาซื้อคือ ถุงเท้า กับ Spray ส่วนกระเป๋าคาดเอวยืมของพี่กตมาใช้ก่อนงบหมดแล้วววว

หาซื้อ Spray Uniren ตั้งแต่ลำปางยันเชียงใหม่ ก็ยังหาไม่ได้ หายากเสียจริง ในเมื่อหาไม่ได้ก็ไม่เป็นไรซื้อข้าวเย็น แล้วที่สำคัญขนมปังแผ่นจะกินตอนตีหนึ่ง เพื่ออัดคาโบไฮเดรตเข้าไปจะได้ไม่ชนกำแพงเหมือนที่ซ้อมเอาไว้

อุปกรณ์พร้อม ทุกอย่างพร้อมเข้านอนเพื่อตื่นตอนตีหนึ่ง

ปล่อยตัว!!!

ตื่นนอนตอนตีหนึ่ง เปิดคอมดูแผนที่การวิ่ง จุดให้น้ำแต่ละจุด จุดให้อาหารและเกลือแร่ จุดพยาบาล และระยะทางว่าตรงไหนกี่กิโล เพื่อจะได้คำนวณการวิ่ง และวางแผนความเร็วไปในตัวพร้อมกับนั่งกินขนมปังไปด้วย

ตีสองครึ่ง มาถึงที่บริเวณงาน ฝากของก่อนเลยทักทายนีโม่ นีโม่เอาเจลมาให้อีก 1 ซองขอบคุณมากครับ ยืดกล้ามเนื้อ วิ่งเหยาะๆ เพื่ออบอุ่นร่างกายและกล้ามเนื้อ ดูแต่ละคนจัดเต็มกันทั้งนั้น น่าจะแข็งเอาเรื่อง หลายๆคนวิ่งด้วยกัน ลากกันไป เพราะวันนี้เป็นวันวาเลนไทน์

เช็คอินเข้าจุดสตาร์ท เต้นแอโรบิค วันนี้ถือว่าอากาศดีมาก ไม่หนาวจนเกินไปพอดิบพอดี ใกล้เวลาปล่อยตัวแล้วตื่นเต้นมาก ตีสามปุ๊บปล่อยตัวทันทีครับ สนามจริงเริ่มต้นขึ้นแล้ว!!!

10km แรกก็เจ็บแล้ว

เริ่มวิ่งออกจากจุดสตาร์ทจาก มช. ก็เลี้ยวขึ้นไปสักการะครูบาก่อน ตรงนี้เป็นเนินตัดกำลังเพราะต้องวิ่งขึ้นไปสูงพอสมควร ตอนวิ่งขึ้นไม่เท่าไหร่ แต่ตอนลงนี้กินหัวเข่าเอาเรื่องเหมือนกัน

หากวิ่งเหมือนที่เคยซ้อมผมจะดูนาฬิกาตลอด แต่ว่าตอนนี้มี Pacer คอยนำวิ่งอยู่ผมก็เลยไม่ดูนาฬิกาดีกว่าคอยตาม Pacer 4:30 ไปเรื่อยๆ เพราะผมลองคำนวณดู 4:30 ชั่วโมงพอดีกับระบบการหายใจของผม ตอนนี้ก็ตามตูดเขาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งแซงไปก่อนเพื่อเก็บระยะเผื่อเดินข้างหน้า

เข้ากิโลเมตรที่ 5 ปวดฉี่เลยแวะฉี่ข้างทางที่ป้อมตำรวจฉี่สักพักจนลูกโป่ง 4:30 (ต่อไปจะเรียกลูกโป่งเฉยๆครับ) ผ่านไป ฉี่เสร็จก็วิ่งออกมายังตามได้อยู่ครับ ตามห่างๆสักสามนาที

เข้าสู่กิโลเมตรที่ 6 เริ่มแล้วครับที่เดิมเข่าขวาเจ็บขึ้นมาแล้วครับ ในใจคิดว่า “นี่พึ่งเริ่มเอง ยังเหลืออีกตั้งเยอะ จะไหวไหมเนี่ย” ตัวผมเองก็หวั่นๆ กลัวมาก กลัวจะวิ่งไม่ไหวหากเจ็บขึ้นมา เริ่มคิดถึง Spray ที่พี่กตบอกให้ซื้อ พยายามไม่คิดเรื่องเจ็บ แวะกินกล้วยกับแตงโมงแล้ววิ่งต่อไป

15 km เจ็บมากแทบจะไม่ไหว

หลังจากผ่าน 12km มาเริ่มกัดเจลซองแรกก่อนเพื่อรักษาพลังงานในร่างกายของตนเอง อาการเจ็บยังคงอยู่ และเริ่มเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ เจ็บมาจนจะเดินไม่ไหวแล้วพี่ที่วิ่ง Pacer 4:30 บอกว่า Spray อยู่ข้างหลังครับ นี่จะให้เราวิ่งไปหรืออย่างไร?

15km เจ็บมากจนต้องหยุด ปล่อยลูกโป่งลอยไปไกลเรื่อยๆ คิดไว้ในใจว่าเดี๋ยวค่อยวิ่งตามเอาก็ได้ โชคดีที่หมอจักรยานตามมาพอดีขอ Spray เลยครับขอน้องพ่นตรงหัวเข่าเยอะๆ พอค่อยบรรเทาหน่อย จากนั้นก็เริ่มวิ่งได้ต่อ ช่วงนี้จะวิ่งและหยุดเป็นสักพักเนื่องจากเจ็บหัวเข่า พยายามมองหา Spray ตลอด

วิ่งสลับเดิน ลูกโป่งค่อยๆ ลอยไปไกลขึ้นจะตามก็ไม่ไหวแล้วเปลี่ยนแผนใหม่ ต้องไม่ให้ลูกโป่ง 5:00 ทันเรา พอได้เสปรย์เราจะเริ่มวิ่งได้สักพักแล้วก็จะเจ็บอีก แย่มาก ใจคิดว่าจะเลี้ยวกลับดีไหมนะ หรือจะกัดฟันไปต่อ เราจะเจ็บกว่าเดิมไหมนะ?

30km นรกมาเยือนของจริง

20km ผ่านทางแยกระหว่าง Half กับ Full มาราธอนตัดสินใจวิ่งตรงไป นั่นหมายความว่า ผมไม่ยอมแพ้!!! ต้องรวบรวมพลังเป็นอย่างมากเพื่อชนะความคิดที่ผ่านมาเมื่อตะกี้และก็ทำได้ ตอนนี้มองไปข้างหน้าไม่เห็นลูกโป่งแล้ว ตอนนี้ผมไม่สนใจลูกโป่งแล้ว สนใจอย่างเดียวคือ Spray T_T

ช่วง 20km – 25km น้องจักรยานพยาบาลเริ่มหายไปแล้วทำยังไงดี ช่วงนี้เริ่มเดินเยอะขึ้น กินกล้วยระหว่างทางเยอะขึ้นเพราะกลัวจะหยุดในช่วง 30km เป็นอย่างมาก เดินๆ วิ่งๆ มองดูบางคนเขาแซงขึ้นไปพร้อมกับหันมาบอกเราตลอด “สู้ๆครับ” “สู้ๆค่ะ” ก็เป็นกำลังใจให้เราเริ่มวิ่งต่อไป แต่การวิ่งก็ต้องเจ็บเข่าอีกโอยยย มันแย่มากๆ

22km กัดเจลซองที่สองเหลือบมองไปอีกฝาก ฟร๊ะ นั่นมัน Harry Jones มองที่หนึ่งวิ่งผ่านไปวิ่งเร็วมากกกก เราก็มองตาละห้อย ควักน้ำดื่มมาล้างปากหลังจากกินเจล ตอนนี้ไม่มีเพื่อนวิ่งละ ช่วงนี้คนห่างมาก กวักมือเรียกน้องพยาบาลมาฉีดสเปรย์ต่อ

25km แล้วลูกโป่งหายไปไหนแล้ว เหลียวมองข้างหลังลูกโป่ง 5:00 ยังไม่มา เริ่มวิ่งต่อทันที กลับตัวที่แยกสะเมิงอาการเจ็บเริ่มหนักขึ้น พยายามมองหาน้องพยาบาลไม่มีแล้วแย่จัง นี่เราต้องเดินแล้วเหรอเนี่ย แล้วจะจบทัน 5:00 ไหมเนี่ย

เริ่มวิ่งเข้าสู้ทางพืชสวนโลกเห็นลูกโป่งวิ่งสวนออกมา เอ๊ะเขายังไปไม่ไกลๆ อาจจะตามทันอยู่ถ้ามีสเปรย์ ตอนนี้วิ่งๆ เดินๆ เพราะเจ็บหัวเข่ามาก ถามสเปรย์ทุกจุดให้น้ำไม่มีเลย T-T เข้าไปวนในพืชสวนโลกแล้วเดินออกมา ย้ำครับเดินออกมา

35km ขอบคุณพี่สาวฉีดสเปรย์ให้

กิโลเมตรที่ 31-33 ช่วงนี้เดินเป็นส่วนมาก ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้วเราก็ไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงและก็ไม่สนใจด้วย ตอนนี้เลิกตามลูกโป่งแล้ว เหลียวหลังบ่อยขึ้นกลัวลูกโป่ง 5:00 ตามทันมาก พยายามกัดฟันวิ่งเข้าไป พอเจ็บมากๆก็หยุด กลายเป็นเดิน

วิ่งๆ เดินๆ ตอนนี้เริ่มเจ็บข้อเท้าเพิ่มเข้ามาด้วย ยังไม่ทันไร โคนขาก็เริ่มมีอาการตามมา ทั้งหมดเกิดขึ้นที่ขาขวา!!! ความคิดเริ่มมาอีกแล้ว วิ่งไม่จบแน่ หารถพยาบาลดีไหม? เราก็ยังยืนยันคำเดิมว่าไม่! ชนะใจตัวเองมาลอด เดินๆ วิ่งๆ จนตอนนี้เหลืออาการเจ็บแค่หัวเข่า ไม่รู้อาการเจ็บที่ข้อเท้ากับโคนขามันหายไปไหน

เริ่มสว่าง ผู้คนเริ่มเยอะรถเยอะขึ้น ทหาร ตำรวจที่คอยดูความเรียบร้อยค่อยๆ โบกรถให้ทุกคนขับรถผ่านก็มอง เขาคงคิดว่ามันมาวิ่งหรือมาเดิน!!! บางคนขับรถผ่านไปยังบอกให้กำลังใจเราให้สู้ๆ ผมสู้อยู่แล้วครับบบบ แต่เจ็บเข่ามากกกก

ช่วงกิโลเมตรที่ 35km พี่สาวคนหนึ่งวิ่งตามหลังมาเห็นเรากระเผกๆ ก็ถามว่าเจ็บเหรอคะ ตอบทันทีครับ!! พี่มีสเปรย์เอาไหม เอาครับบบบบบบ จากนั้นพี่สาวก็ส่งสเปรย์ให้ สวรรค์ทรงโปรด ฉีดสเปรย์ ยกมือไหว้ขอบคุณพี่สาวแล้วเขาก็วิ่งผ่านไป เราเดินสักแป๊บรอสเปรย์ออกฤทธิ์ก็เริ่มวิ่ง อีกมินิมาราธอนก็จบแล้วววววว

40km อีกนิดเดียว อีกนิดเดียว

หลังจากที่ได้สเปรย์จากพี่สาว อาการเจ็บเข่าก็ดีขึ้น ดูป้ายบอกทางตอนนี้ 36km แล้วอีกนิดเดียวจริงๆ กัดเจลซองสุดท้ายเพื่อให้แล้ววิ่งต่อไป แวะกินเกลือแร่ และกล้วยแป็บพักหัวเข่าจากนั้นวิ่งต่อไป ตอนนี้ในใจคิดไปตลอด นี่เราจะทำสำเร็จแล้วนะ อีกนิดเดียววววว

วิ่งไปเรื่อยๆ ตอนนี้เริ่มเห็นแยกเลี้ยวเข้าไปบรรจบ Half กับ Mini ข้างหน้าแล้ว อีกนิดเดียวเท่านั้น!!!

ทำได้ เราทำได้

เลี้ยวเข้ามาบรรจบเส้นเดียวกับ Half และ Mini เริ่มมีเพื่อนวิ่งเยอะขึ้น หลายๆมากับแฟนจูงมือกันวิ่ง บางคนเห็นเราวิ่งแซงก็ปรบมือให้มองป้าย 41km แล้ววอีกนิดเดียว

ถึงประตูวิศวะ มีน้องพยาบาลอยู่ สวรรค์อีกแล้ว ขอฉีดสเปรย์ทันทีครับ เอาเยอะๆเลยเดี๋ยวก็จะถึงแล้ว วิ่งเข้ามาที่ตึกวิศวะฯ น้องร่วมใจกันยืนเชียร์บรรยากาศน่ารักมากครับ ให้กำลังใจทุกคนที่วิ่งผ่าน ถือว่าเป็นการสร้างกำลังใจ และสีสันให้กับนักวิ่งได้ดีเลยทีเดียว

วิ่งขึ้นขอบอ่างแก้วแล้ว ช่วงนี้คนเยอะมากเพราะมีทุกรุ่นวิ่งผ่าน มีช่างถ่ายรูปเยอะมากตรงนี้มองดูป้ายอีก 800 เมตรแล้ววววว

วิ่งลงอ่างแก้วเข้ามาสู่เลนที่จะเข้าเส้นชัย ตอนนี้ยังตื่นเต้นว่าจะใช้เวลาสักเท่าไหร่ก่อนโค้งสุดท้ายมองเห็นพี่สไปเดอร์แมนจอดรถเปิดเพลงอยู่เราก็เต้นให้เขานิดนึง วิ่งเข้าเส้นชัยเหลือบมองเวลา 4:46 ชั่วโมง น้ำตาแทบไหล ที่เคยเจ็บมาหายไปหมด รับเหรียญ รับเสื้อ รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เราทำได้ ชนะทุกอย่าง ที่สำคัญชนะตัวเองมาตลอด!!!

พักเหนื่อย หาของกินครับ ช่วงนี้ก็ไปกินจามซุ้มต่างๆ ที่เขาจัดให้อาหารเยอะมากครับ ตระเวนหาของกินสักพักเห็นท่าไม่ค่อยดีอาการเจ็บหัวเข่ามาอีกแล้วเดินกระเผกกลับไปที่รถกลับบ้านพักผ่อนดีกว่า

ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว ที่จริงการซ้อมแค่สองอาทิตย์ไม่สมควร และไม่แนะนำด้วยครับซ้อมน้อยมาก เอาใจวิ่งจริงๆ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยอาการบาดเจ็บ สู้ซ้อมยาวๆ วิ่งสบายๆ ดีกว่าครับ

  • ขอบคุณตำรวจ ทหาร คอยดูแลตั้งแต่ตีสามจนจบ
  • น้องๆ ตามจุดอาหาร น้ำและเกลือแร่ สุดยอดทุกคน
  • น้องๆ จักรยานพยาบาล ถ้าไม่มีน้องๆ พี่ตายแน่
  • จักรยานรักษาตรวจการณ์ ขับตาม ขับตรวจเพื่อความปลอดภัย
  • Pacer ทุกท่านที่คอยให้กำลังใจ เอนเตอร์เทนตลอดเวลา ทำให้วิ่งโดยไม่ต้องดูนาฬิกา
  • BIB จากน้องหนึ่งครับ

สู้ต่อไปครับเพื่อ Ultra Marathon!!!!

Comments

comments powered by Disqus