27.7km Hit the wall
หลังจากที่เมื่ออาทิตย์ก่อนผมกด 20km ไปเรียบร้อยแล้ว สามารถอ่านได้ใน My First 20km ซึ่งเป็นการวิ่งยาวเพื่อเตรียมการวิ่งมาราธอนแรกของผมกับการซ้อมแต่สองอาทิตย์ และหากว่ากันตามตารางแล้ว วันนี้ผมต้องกด 30km ให้ได้
วันนี้มาด้วยความมั่นใจ 100% ว่าถ้าเราผ่าน 20km มาแล้ว 30km ก็ไม่น่าจะมีปัญหาสภาพร่างกายผมพร้อมพอสมควรหล้ามเนื้อทุกมัดได้รับการพักผ่อนไปแล้ว 48 ชั่วโมงพอดีอยู่ในสภาพที่ไม่มีล้าเหมือน 20km แน่นอน
ซื้อเจล
เหมือนตอน 20km ผมซื้อ Energy Gel เพื่อเพิ่มพลังระหว่างวิ่งเอาไว้ด้วยเพื่อป้องกันอาการชนกำแพงที่อาจจะเกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ จัดมาประมาณ 2 ซองครับแพงเอาเรื่องนะครับ 75 บาท ตั้งใจเอาไว้ว่าผมจะกินช่วง 10km และ 20km คงจะพอเป็นพลังงานให้ผมจบ 30km ได้สบายๆ
เตรียมตัววิ่ง
แน่นอนว่าผมต้องวิ่งหลังเลิกงาน วันนี้ผมเลิกงานช่วง 5:30 ก็ไปวิ่งเลยครับ วันนี้จัดกางเกง เสื้อ รองเท้าพร้อมทุกอย่าง เตรียมน้ำไปสองขวดคิดว่าคงจะพอ เพราะรอบที่แล้วผมเตรียมไปขวดเดียวสำหรับ 20km ก็มีเหลืออยู่นิดหน่อย
10km แรก
เป็นไปตามที่หวังเอาไว้ครับ พยายามใช้การหายใจทางจมูกใช้อัตรา 3:2 วิ่งไปนับไปเรื่อยๆ วันนี้คนเยอะพอสมควรที่สนาม 700 ปีเชียงใหม่เนื่องจากมีงานกีฬา ผมยังคงใช้สูตรเดิมที่ใช้มาเมื่อวันอาทิตย์กับการวิ่งเพื่อคุม Pace ตัวเองเหมือนเดิมไม่ให้เร็ว หรือช้าจนเกินไป จะเห็นว่าเมื่อผมใช้วิธีการจับความเร็วของตัวเอง และการหายใจทางจมูก ความเร็วผมเริ่มสม่ำเสมอ Heart Rate ปรกติไม่เหนื่อยมาก แต่ข้อเสียคือต้องวิ่งแบบดูเวลาตลอด หลังจากจบ 10km จัดการโหลด Gel ซองแรกรัวๆ หวังว่าจะมีพลังให้ผมต่ออีก 10km
20km
ผ่าน 20km มาจนได้ผมวิ่งไม่หยุดเลย ผมหยุดตอนกินเจลเท่านั้นเอง ช่วง 10 – 20km ผมยังคงใช้สูตรเดิมเนื่องจากพลังผมยังเหลืออยู่ คงเป็นผลมาจาก Gel ด้วยแหละ หากดูตามตารางการวิ่งผมยังค่อนข้างสม่ำเสมอ แต่สิ่งที่ดีอีกอย่างคือ ผมวิ่งโดยปล่อยไหลไปตามธรรมชาติ ใช้ความรู้สึกคุมความเร็ว โดยลดการมองเวลาและระยะทาง ซึ่งผลออกมาก็ยังดีครับ ความเร็วยังสม่ำเสมอ ผมจบ 20km น้อยกว่า 2 ชั่วโมงถือว่าดีกว่าที่ตั้งเป้าไว้
สิ่งที่แย่ที่สุดคือน้ำผมโดยใครไม่รู้เอาไป เพราะก่อนวิ่งผมจะเอาวางไว้ตรงโคนต้นไม้ ใครเอาไปขอให้ท้องเสีย มันรู้สึกแย่มากครับเพราะน้ำผมจะหมดแล้ว ที่มีเหลืออีกอึกเดียว แล้วต้องกิน Gel ด้วยมันจะแสบคอ แต่ยังดีที่มีลุงเขาแจกน้ำฟรี วันนี้เป็นฮีโร่ผมเลย
20+km
นรกมาเยือนครับ ผมเจ็บหัวเข้าตั้งแต่ 21km ทุกครั้งที่เท้าสัมผัสพื้น จี๊ดขึ้นมาเลยครับ มีครั้งหนึ่งที่ผมถึงกับต้องหยุด เพราะเจ็บมาก คิดว่าไม่เป็นกัดฟันทนเอามันต้องผ่านไปด้วยดี เพราะมาไกลเกินจะหยุดแล้ว
นรกอย่างที่สองคือถุงเท้าครับ จากที่เมื่อก่อนคิดว่าใส่แบบไหน อะไรก็ได้ผิดครับ ถ้าหากวิ่งแค่ 10km แน่นอนครับใส่อะไรก็ได้ ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่ามันเสียดสีกับเท้าผมแล้ว นึกภาพออกเลยครับว่าถ้าผมถอดถุงเท้าออกจะเป็นเช่นไร ทนต่อไป
ช่วงนี้ผมใช้การเดิน วิ่งแบบรักษา Pace ครับคือผมจะวิ่งจนรู้สึกว่าขาล้าผมจะเดินครับ เดินจนกว่า Pace จะแตะ 7:00 ผมจะเริ่มวิ่งอีกครั้ง กล่าวคือผมจะเดินเมื่อขาเริ่มล้า และไม่ให้หลุด 7:00 ผมทำได้ครับ และผลออกมาดีด้วย ตอนนี้ความเร็วผมอยู่ที่ 6 ไม่เกิน 7 นั่นหมายความว่าผมสามารถจบ 30km ที่ 3 ชั่วโมงครับ
27km Hit the wall
พอเข้าสู่กิโลเมตรที่ 27 ผมเริ่มรู้สึกปวดที่ขาทั้งสองข้าง หัวเข่าเริ่มไม่พร้อมใช้งาน ตอนนี้ผมรู้เลยครับว่าพลังผมไม่มีเหลือแน่ ผมต้องเดินเยอะขึ้น นั่นหมายความว่าผมจะหลุด Pace 6 แน่นอน เริ่มคิดในใจว่า Gel ทั้งสองที่กินมา จริงๆแล้วมันช่วยผมได้แค่ 4-5km เท่านั้นและตอนนี้มันหมดไปแล้วด้วย เริ่มรู้สึกหิวมาก เหมือนร่างกายจะพยายามหาอาหารเพื่อเอาไปสร้างเป็นพลังงาน ผมยังปลอบใจตัวเองต่อไปให้สู้และบอกว่ามาไกลเกินหยุดอีกนิดเดียว
เมื่อผมประเมิณตัวเองแล้วไม่ไหวแน่นอน ขาผมยกไม่ขึ้นตัดสินใจหยุด และเดินเบาทันที ระหว่างเดินผมปวดขามาก ปวดจนต้องนั่งพัก และลุกไม่ได้อีกเลย ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ดีแน่ ดูหัวใจตัวเองเต้นปรกติ ไม่มีอาการวิงเวียนแต่อย่างใด
ทำได้อย่างเดียวตอนนี้คือโทรให้เพื่อนมารับ เพราะไม่ไหวจริงๆครับผมเดินไม่ได้เลย
สิ่งที่ผมได้จากการวิ่งวันนี้
- ให้รู้ว่า Energy Gel ช่วยอะไรผมได้ไม่มากอย่างที่หวัง
- ถุงเท้าต้องซื้อใหม่ ไม่ใส่ใจไม่ได้แล้ว
- จะไม่ใส่กางเกงในวิ่งอีกเด็ดขาด แสบมากตอนอาบน้ำ
- น้ำต้องพอ เกลือแร่ต้องมี
- ผมพร้อมสำหรับ 42km แม่วันนี้จะไม่ถึง 30km
- ต้องกินระหว่างวิ่ง
- ผมวิ่งสม่ำเสมอ หลายๆ เทคนิคใช้ได้ผม
ผมพร้อมแล้ว CMU Marathon!!
Comments